วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

พรินซิเพิล เปิดตัวกองทุน ‘การันตีสเต็ปอัพ’ รับประกันเงินต้น 100% ล็อกกำไรแบบขั้นไดเพิ่มขึ้น เน้นเงินต้นปลอดภัย กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทน เสนอขายกองทุนเปิด PRINCIPAL GSTEP วันที่ 18 พ.ย. - 4 ธ.ค.นี้




บลจ. พรินซิเพิล แนะนำทางเลือกการลงทุนแก่ผู้ลงทุนที่เน้นความปลอดภัยของเงินต้นลงทุน พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี เปิดตัวกองทุนเปิด “พรินซิเพิล การันตีสเต็ปอัพ” (PRINCIPAL GSTEP) ชูจุดเด่นรับ “ประกันเงินต้น 100%” และล็อกกำไรขั้นต้นแบบขั้นบันไดเพิ่มขึ้นเมื่อลงทุนครบตามกำหนดอายุกองทุน เสนอขายครั้งแรกและครั้งเดียวแก่นักลงทุนรายย่อย ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน ถึง 4 ธันวาคมนี้ ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า จากมุมมองการลงทุนในระยะถัดไป ตลาดการลงทุนมีความผันผวน และความไม่แน่นอนสูง หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งทั้ง 2 สภา คือ ส.ว. และส.ส. ทำให้นโยบายของทรัมป์มีผลบังคับใช้ได้ง่ายขึ้น เช่น การขึ้นภาษีกับประเทศคู่ค้า ส่งผลให้เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง และเป็นอุปสรรคต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในอนาคต รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์รอบใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อีกทั้งตลาดหุ้นบางประเทศที่ Valuation ค่อนข้างแพง และปรับตัวขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมา เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสปรับฐานได้ ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าว ทาง บลจ. พรินซิเพิล ได้นำเสนอทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับผู้ลงทุนระยะกลางถึงยาวที่มองหาโอกาสเติบโตให้กับเงินลงทุนแต่ไม่อยากรับความเสี่ยงสูง และสามารถล็อกกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นตลอดอายุการลงทุน จึงได้เปิดตัวกองทุนเปิด “พรินซิเพิล การันตีสเต็ปอัพ” หรือ Principal Guaranteed Step-up Fund (PRINCIPAL GSTEP) มีทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท (Greenshoe 15%) สั่งซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกและครั้งเดียวแก่ผู้ลงทุนรายย่อย ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม 2567

กองทุนเปิด PRINCIPAL GSTEP มีจุดเด่นสำคัญ ได้แก่ 1) รับประกันเงินต้น และมีกลไก Step up เพื่อล็อกกำไรแบบขั้นบันไดเพิ่มขึ้น โดย NAV หรือเงินต้นที่รับประกันจะปรับเพิ่มขึ้นตามเงื่อนไขที่กำหนด เมื่อผู้ลงทุนถือหน่วยลงทุนครบตามกำหนดอายุกองทุนประมาณ 5 ปี 6 เดือน 2) สภาพคล่องสูง สามารถขายหน่วยลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมดได้ทุกวันทำการ 3) ใช้กลยุทธ์การบริหารพอร์ตการลงทุนแบบยืดหยุ่นตามภาวะตลาด โดยกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกแบบ Multi Assets เพื่อให้พอร์ตลงทุนเติบโต เช่น ETF, หุ้นสหรัฐฯ และยุโรป, พันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้เอกชน 4) พิสูจน์ผลงานกองทุน Multi Asset บริหารโดยทีมจัดการลงทุน Amundi Asset Management ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง 9.02% ต่อปี และการันตีรางวัล Morningstar 5 ดาว (ที่มา: Amundi 30 กันยายน 2567)

ทั้งนี้ ในการรับประกันเงินต้น และกลไก Step up เพื่อล็อกกำไรแบบขั้นบันไดเพิ่มขึ้นแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนนั้น ทุกๆ ราคา NAV ที่เพิ่มขึ้น 5% กองทุนฯ จะรับประกันราคา NAV เพิ่มขึ้น 2.5% ไปตลอดอายุของกองทุนฯ เช่น เมื่อราคา NAV เพิ่มขึ้นเป็น 10.50 บาทต่อหน่วย หรือ 11.00 บาทต่อหน่วย หรือ 11.50 บาทต่อหน่วย ราคา NAV ที่รับประกัน ณ วันครบกำหนดอายุกองทุนฯ จะอยู่ที่ 10.25 บาทต่อหน่วย 10.50 บาทต่อหน่วย และ 10.75 บาทต่อหน่วยตามลำดับ นอกจากนี้ เมื่อราคา NAV ที่รับประกันถูกปรับเพิ่มขึ้นแล้ว ก็จะไม่ถูกปรับลดลงอีกด้วย

ขณะที่การรับประกันเงินต้นและกลไกการล็อกกำไรแบบขั้นบันไดเพิ่มขึ้นของกองทุนฯ แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่

1) กรณีที่ผู้ถือขายคืนหน่วยลงทุน ก่อนถึงวันครบกำหนดอายุกองทุนประมาณ 5 ปี 6 เดือน ผู้ลงทุนจะได้รับคืนเงินต้นที่ราคา NAV ของกองทุนฯ ณ วันที่ทำรายการขายคืน และ

2) กรณีที่ขายคืนหน่วยลงทุน ณ วันครบกำหนดอายุกองทุนฯ ประมาณ 5 ปี 6 เดือน แบ่งเป็น กรณีที่ราคา NAV ของกองทุนฯ เท่ากับหรือสูงกว่าระดับที่รับประกัน ผู้ลงทุนจะได้รับคืนเงินต้นเท่ากับ ราคา NAV ของกองทุนฯ ส่วนในกรณีที่ราคา NAV ของกองทุนฯ ต่ำกว่าระดับที่รับประกัน ผู้ลงทุนจะได้รับคืนเงินต้นเท่ากับราคา NAV ที่รับประกัน

นายจุมพล กล่าวต่อว่า กองทุนเปิด PRINCIPAL GSTEP บริหารจัดการโดย Amundi Asset Management ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการบริหารสินทรัพย์ที่หลากหลายจากทั่วโลก มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่ากว่า 2 ล้านยูโร และมีความเชี่ยวชาญการบริหารกองทุนประเภท Guarantee Step up โดยถือเป็นผู้นำอันดับ 1 ของยุโรปด้านการทำ Structured Products รวมถึงรับประกันเงินต้นโดย Credit Agricole S.A. ซึ่งเป็นธนาคารจากฝรั่งเศสที่มีขนาดใหญ่ติด Top 10 ของโลก โดยมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจากส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 135.1 พันล้านยูโร (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2023) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 เป็นอันดับ 10 ของโลก และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรตติ้ง) ที่ A+ จาก S&P และ Fitch Ratings

กองทุนฯ มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย ทั้งตราสารหนี้, ตราสารกึ่งหนี้และกึ่งทุน, ตราสารทุน, หน่วย CIS, หน่วย Property, หน่วย Infrastructure, เงินฝาก และหรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นๆ ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด โดยจะลงทุนในต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนฯ และได้วางกลยุทธ์ปรับพอร์ตการลงทุนเชิงรุกอย่างยืดหยุ่นเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยประมาณ 50% ของพอร์ตลงทุน จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นสกุลเงินบาท ส่วนอีกประมาณ 50% ของพอร์ตการลงทุน จะกระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ เน้นการลงทุนผ่าน ETF ที่มีสภาพคล่อง นอกจากนี้ กองทุนฯ จะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างน้อย 75% ของพอร์ตการลงทุน

สำหรับผู้สนใจติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)

ทุกสาขาทั่วประเทศ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02-686-9500 หรือ www.principal.th หรือดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/GSTEP นอกจากนี้สามารถเปิดบัญชีและทำรายการซื้อผ่าน Principal TH Mobile App สามารถดาวน์โหลดที่ App Store และ Google Play และ https://www.principal.th/th/principalTH.html

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนมีการประกันเงินลงทุน โดยผู้ลงทุนจะต้องถือหน่วยลงทุนจนครบอผายุโครงการ ประมาณ 5 ปี 6 เดือน (ไม่ต่ำกว่า 5 ปี 5 เดือน และไม่เกิน 5 ปี 7 เดือน) จึงจะได้รับชำระเงินลงทุนคืนตามเงื่อนไขในการรับประกัน และตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกัน / บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะยุติการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกและคืนเงินให้กับผู้สั่งซื้อหน่วยลงทุนหรือเลิกกองทุน ในกรณีที่จำหน่ายหน่วยลงทุนได้ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท และบริษัทจัดการพิจารณาเห็นว่าไม่สามารถลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม / ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิในการยกเลิกการจัดตั้งกองทุนรวมตามดุลยพินิจของบริษัทจัดการ ในกรณีที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนลดลงเหลือน้อยกว่า 750 ล้านบาทเป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน และบริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าการจัดตั้งกองทุนไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยลงทุน เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลให้กองทุนต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำทั้งหมด (Monetization/Cash-Lock) เช่น เมื่อระดับความเสี่ยงที่กองทุนสามารถรับได้ (Risk Budget) ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ หรือเมื่อมูลค่าหน่วยลดลงเข้าใกล้ระดับมูลค่าหน่วยลงทุนที่รับประกัน เป็นต้น และบริษัทจัดการประสงค์จะเลิกกองทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับซื้อคืนอัตโนมัติ ต้องไม่ต่ำกว่าราคาเสนอขายหน่วยลงทุนในช่วงเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (มูลค่าที่ตราไว้บวกค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน) /

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน