ดั๊บเบิ้ล เอ ประกาศความสำเร็จภายหลังการเสนอขายหุ้นกู้สามารถระดมทุนได้กว่า 4,021.2 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายเสนอขายที่ 3,000 ล้านบาท สะท้อนความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจรับมือ New Normal
บมจ. ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ปรับตัวรับผลกระทบจากโควิด-19 เตรียมการขยายธุรกิจรองรับโอกาสใหม่ ทั้งอุปกรณ์สำนักงาน กระดาษบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย โดยยังคงเป้าหมายรักษาระดับการเติบโตของธุรกิจที่ 10% ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
Transform ธุรกิจกระดาษ
ตลาดกระดาษบรรจุภัณฑ์หรือกระดาษคราฟท์ทั่วโลก กำลังเบ่งบานเติบโตเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 1.6% ต่อปี ดั๊บเบิ้ล เอ จึงมีแผนขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมกระดาษบรรจุภัณฑ์ โดยได้สร้างโรงงานผลิตเยื่อกระดาษกำลังการผลิต 270,000 ตันต่อปี โดยใช้กระดาษใช้แล้ว (Mixed Paper) เป็นวัตถุดิบในการผลิต โรงงานกระดาษบรรจุภัณฑ์ได้เริ่มผลิตตั้งแต่ไตรมาสแรกปีนี้ โดยบริษัทฯ มีสัญญาขายกระดาษให้กับพันธมิตรจากประเทศจีนเป็นเวลา 3 ปี
ขณะเดียวกัน บมจ. ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ได้ทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยนำกระดาษใช้แล้วส่วนหนึ่งมาผสมกับเยื่อกระดาษคุณภาพสูง เพื่อผลิตเป็นกระดาษบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยมขายให้กับลูกค้าในประเทศกำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี จึงทำให้ ดั๊บเบิ้ล เอ สามารถผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ได้ทุกเกรดในราคาที่แข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ และได้ทำการเปิดตลาดผลิตภัณฑ์กระดาษบรรจุภัณฑ์ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา การเปิดตลาดกระดาษบรรจุภัณฑ์นี้เป็นการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีการเติบโตสูงและช่วยกระจายความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
Lenzing ขยายการลงทุนรับ New Normal
ภายใต้ New Normal ธุรกิจต่าง ๆ จะต้องปรับตัวเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงวัตถุดิบและตลาด อาเซียนเองก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญของธุรกิจทั่วโลก บริษัท Lenzing ซึ่งเป็นบริษัทสิ่งทอชั้นนำจากประเทศออสเตรียจึงเลือกประเทศไทยเป็นที่ตั้งฐานการผลิต โดย Lenzing ตัดสินใจลงทุน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อผลิตเส้นใย Lyocell ซึ่งเป็นนวัตกรรมเส้นใยอัจฉริยะที่ดีสุดในโลกที่ใช้เส้นใยจากเยื่อไม้ทดแทนเส้นใยพลาสติก พร้อมกับมีแผนลงทุนเส้นใยขนาดกำลังการผลิต 100,000 ตัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในปี 2564
ทั้งนี้ Lenzing เลือกตั้งโรงงานที่สวนอุตสาหกรรม 304 ในกลุ่มบริษัทพันธมิตรของ ดั๊บเบิ้ล เอ เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานดี การคมนาคมขนส่งสะดวก และประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สำคัญยังเป็นแหล่งซัพพลายวัตถุดิบเยื่อไม้ที่สำคัญ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของไทยให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี
แข็งแกร่งรับ New Normal
ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นหนึ่งในองค์กรที่พร้อมปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดั๊บเบิ้ล เอ ได้นำแผนปรับปรุงการดำเนินงานมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการทุกส่วน ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
นอกจากนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้ปรับปรุงการบริหารจัดการภายใน อาทิ งานบัญชี การเงิน และฝ่ายปฏิบัติการให้ทันสมัย ใช้คนน้อยลง และที่สำคัญคือการปรับองค์กรให้พนักงานเข้ามาอยู่ในรูปแบบของ Digital Manpower รวมถึงการกระตุ้นให้พนักงานใช้งาน Social Media ในการทำงานมากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง และเปิดโอกาสให้พนักงานในฝ่ายขายและการตลาดขายผลิตภัณฑ์ผ่านออนไลน์มากขึ้น
ผลที่เกิดขึ้นคือ บริษัทฯ ดีขึ้นในเกือบทุกด้าน โดยวัดจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ที่ดีขึ้น EBITDA เพิ่มขึ้นจากระดับ 8.2% ในปี 2559 สู่ระดับ 20% ในปี 2561 และ 2562
บูรณาการธุรกิจครบวงจร
อีกด้านหนึ่ง ดั๊บเบิ้ล เอ มีการวางโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์กระดาษแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิตเยื่อกระดาษไปจนถึงการผลิตกระดาษ ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และช่วยควบคุมต้นทุนไม่ให้ผันผวน เนื่องจากเยื่อกระดาษเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนสูง
การที่ ดั๊บเบิ้ล เอ ทำโครงการส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกต้นกระดาษ ทำให้เป็นผู้ผลิตกระดาษที่มีวัตถุดิบรองรับอย่างเพียงพอ มีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ และโรงงานผลิตกระดาษ ส่งผลให้ธุรกิจมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง สามารถผลิตกระดาษที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของตลาด และยังสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ธุรกิจข้างเคียง เช่น ธุรกิจผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ โดยที่ยังรักษาคุณภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขันไว้ได้
ขายหุ้นกู้เกินเป้า 3,000 ล้านบาท
ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ได้ออกเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 3,000 ล้านบาท และสำรอง (Greenshoe) มูลค่า 2,000 ล้านบาท บริษัทสามารถจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด รวมกันทั้งสิ้น 4,021.2 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายหุ้นกู้หลักที่ตั้งเป้าไว้ 1,021.2 ล้านบาท
บริษัทจึงขอขอบคุณท่านผู้ลงทุนในหุ้นกู้ทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทที่จะสามารถบริหารจัดการธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องในระยะยาว และให้การสนับสนุนกิจการของบริษัทฯ ด้วยดีมาตลอด