บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หรือ JWD ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำธุรกิจ Self-Storage (ห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า) วางยุทธศาสตร์ขยายสาขาในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัด ดันพื้นที่ให้เช่ารวมแตะ 3 หมื่นตารางเมตรภายในปี 2567 รับดีมานด์ขยายตัวจากเทรนด์ที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่เล็กลงและการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หนุนความต้องการเช่าพื้นที่เก็บของและสินค้าเพิ่มขึ้น รุกเข้าซื้อกิจการ My Storage จังหวัดภูเก็ต รับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต เผยปัจจุบันมีผู้เช่าเดิมอยู่แล้ว 40% ของพื้นที่ให้เช่ารวม เล็งปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าคนไทย ส่วนพื้นที่ให้เช่า Self-Storage ทั้งหมดของ JWD ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นแตะ 1.2 หมื่นตารางเมตร
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำธุรกิจ Self-Storage (ห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า) โดยวางแผนขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองหลัก เน้นทำเลที่มีศักยภาพ เช่น ย่านศูนย์กลางธุรกิจ พื้นที่เศรษฐกิจ แหล่งชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น เป็นต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้เช่ารวมเป็น 3 หมื่นตารางเมตรภายในปี 2567 ตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจดังกล่าวไม่ต่ำกว่าปีละ 240 ล้านบาท ภายใต้อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยที่ 80% ของพื้นที่ให้บริการรวมทั้งหมด
บริษัทฯ มุ่งขยายการลงทุนธุรกิจ Self-Storage เนื่องจากประเมินความต้องการเช่าพื้นที่ห้องเก็บของส่วนตัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากการขยายตัวของที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ใช้สอยเมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ จึงต้องการพื้นที่เก็บของที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อใช้เก็บของใช้ส่วนตัว นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซและการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม Social Media ที่ต้องการพื้นที่สำหรับสต็อกสินค้า ที่มีความสะดวกในด้านทำเลและความปลอดภัยอีกทางหนึ่งด้วย
ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวต่อว่า ล่าสุดบริษัทฯ จึงขยายการลงทุนเข้าสู่พื้นที่หัวเมืองต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก โดย บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี สโตร์ อิท จำกัด (JWDST) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ JWD ถือหุ้น 89% เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน บริษัท สโตร์การ์ด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจพื้นที่เก็บของให้เช่าภายใต้ชื่อ “My Storage Self Storage” (“My Storage”) ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ศูนย์การค้าจังซีลอน อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต และเป็นผู้ให้บริการธุรกิจ Self-Storage เพียงแห่งเดียวในจังหวัดภูเก็ตขณะนี้
โครงการ My Storage เป็นอาคาร 3 ชั้น ปัจจุบันได้พัฒนาพื้นที่เฟสแรก (ชั้น 1-2) เป็นพื้นที่เก็บของให้เช่า มีพื้นที่ให้เช่ารวม 1,168 ตารางเมตร ส่วนชั้น 3 เป็นพื้นที่ว่างรอการพัฒนาเฟส 2 ในอนาคต โดยอัตราค่าเช่าเฉลี่ยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับอัตราค่าเช่า Self-Storage โดยเฉลี่ยในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ
“ปัจจัยที่ตัดสินใจเข้าลงทุนใน My Storage Self Storage เนื่องจากมีฐานลูกค้าเดิมที่ทำสัญญาเช่าพื้นที่เก็บของอยู่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของพื้นที่ให้เช่ารวม จึงสามารถรับรู้รายได้ทันทีภายหลังเข้าลงทุนซื้อกิจการ ขณะเดียวกันโครงการยังมีสัญญาเช่าพื้นที่กับศูนย์การค้าจังซีลอนคงเหลืออีก 18 ปี นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพของภูเก็ตและยังไม่มีคู่แข่งในพื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจแบบเดียวกัน แม้ว่าปัจจุบันภาพรวมเศรษฐกิจภูเก็ตได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ อย่างไรก็ตามเรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจในอนาคต หากเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว พร้อมทั้งได้วางแผนปรับกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้น” นายชวนินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังเข้าซื้อกิจการ My Storage ภูเก็ต จะส่งผลให้ JWD STORE IT (เจดับเบิ้ลยูดี สโตร์ อิท) มีพื้นที่ Self-Storage รวมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1.2 หมื่นตารางเมตร และมีสาขารวมทั้งหมด 6 สาขา โดยสาขาที่เปิดให้บริการแล้วจำนวน 5 สาขา ในกรุงเทพ ได้แก่ สาขาศรีกรีฑา (ถนนกรุงเทพกรีฑา) สยาม (ใกล้ BTS สนามกีฬาแห่งชาติ) รามอินทรา เทียมร่วมมิตรและพระราม 9 ซึ่งเป็นสาขาล่าสุดที่เปิดบริการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดีโดยมีลูกค้าจากย่านรามคำแหง เอกมัย ทองหล่อ ทั้งที่เป็นผู้พักอาศัยและผู้ประกอบธุรกิจในย่านดังกล่าวเข้ามาเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง