แพลตฟอร์มใหม่ รวมซอฟต์แวร์ การบริการและฮาร์ดแวร์เข้าด้วยกัน ช่วยให้งานแห่งอนาคตกลายเป็นจริง
- Dell Technologies Unified Workspace ช่วยให้ฝ่ายไอทีดูแลวงจรการใช้อุปกรณ์ทั้งหมดได้อย่างเรียบง่าย อีกทั้งช่วยให้คนทำงานได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว ลื่นไหล พร้อมทำงานได้ตลอดเวลาตามใจปรารถนา
- Unified Workspace ผสานรวมโซลูชันทั้งในส่วนอุปกรณ์และบริการจากเดลล์ วีเอ็มแวร์ และ Secureworks ช่วยธุรกิจลดความยุ่งยากในส่วนการใช้งานของผู้ใช้ (end-user computing) และหันไปมุ่งเน้นที่ความริเริ่มในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
- เดลล์ เทคโนโลยีส์ มอบแนวทางที่หลอมรวมการทำงานได้อย่างชาญฉลาด ช่วยให้ผู้นำไอทีมีความสามารถในการดูแลสอดส่อง มีมุมมองเชิงลึกที่ดียิ่งขึ้น และมีระบบออโตเมชันช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เกิดความคล่องตัว อีกทั้งมอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นให้กับผู้ใช้
เนื่องจากแนวคิดเกี่ยวกับงานแห่งอนาคต (future-of-work concept) เริ่มกลายเป็นจริงสำหรับองค์กรในทั่วโลก พนักงานล้วนต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน และการประสานงานร่วมกัน รวมถึงสามารถคิดค้นนวัตกรรมได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ในแนวทางที่ตนต้องการ บรรดาธุรกิจจึงต้องจัดสภาพแวดล้อมที่สามารถรองรับการทำงานในลักษณะดังกล่าว เพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถและพยายามทำให้พนักงานปัจจุบันได้มีส่วนร่วม มีผลงาน ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาความปลอดภัยในการใช้อุปกรณ์ส่วนตัวทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของพนักงานแต่ละคน ซึ่งบ่อยครั้งที่ฝ่ายไอทียังไม่สามารถมุ่งเน้นที่ความริเริ่มใหม่ในการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานเนื่องจากต้องเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการวิ่งวุ่นทำงานอื่น อย่างการปรับใช้งานพีซี งานเฮลพ์เดสก์ รวมถึงการคอยมอนิเตอร์และแก้ไขปัญหา
เดลล์ เทคโนโลยีส์ จึงแนะนำ Unified Workspace เพื่อช่วยฝ่ายไอทีเปลี่ยนประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น แนวทางที่มองเห็นความเป็นไปได้ในส่วนของการใช้ไอทีของผู้ใช้ (end-user computing) ได้ล่วงหน้า จะช่วยให้คนทำงานไม่ต้องวุ่นวายใจ พร้อมทำงานได้ตลอดเวลา (ready-to-work) อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพให้ฝ่ายไอทีด้วยโซลูชันระบบเปิดที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาดในแบบอัตโนมัติ เพื่อการบริหารจัดการงานรวม Dell Technologies Unified Workspace จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้ดูแลไอที ในการช่วยเหลือผู้ใช้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้อุปกรณ์ที่เลือกเอง รวมถึงการนำมาใช้งาน การรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการและให้การสนับสนุนผ่านโซลูชันและการบริการที่ยืดหยุ่น ขยายขีดความสามารถ ซึ่งผสานรวมเข้ากับการทำงานตามสภาพแวดล้อมลูกค้าได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ อุปกรณ์ และสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบใดก็ตาม
“ลองนึกถึงโซลูชันที่ฉลาดขนาดที่บอกคุณได้ว่าอุปกรณ์ และแอปพลิเคชันเฉพาะทางแบบใดที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคนทำงานเหล่านั้นได้ และนึกถึงโซลูชันที่ช่วยให้ใช้อุปกรณ์ได้เฉพาะเจาะจงตรงต่อความต้องการของผู้ใช้ มีการตั้งค่าการใช้งานมาล่วงหน้า รวมถึงโหลดแอปฯ และฟีเจอร์ด้านการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดให้ล่วงหน้าตามที่ผู้ใช้ต้องการโดยที่ฝ่ายไอทีไม่ต้องมาจับอุปกรณ์เพื่อดูแลจัดการให้ทีละเครื่อง และตอนนี้ ให้ลองนึกดูว่าโซลูชันเดียวกันนี้ สามารถช่วยผู้ใช้แก้ปัญหาด้านไอทีที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ เช่นการรีเซ็ตพาสเวิร์ด การเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่อ VPN ในเวลาที่มีปัญหา” เจฟฟ์ คลาร์ก รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และส่วนปฏิบัติการ เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว “และนั่นคือ Dell Technologies Unified Workspace โซลูชันที่ครบวงจรที่สุดในอุตสาหกรรมที่ช่วยให้ฝ่ายไอทีจัดการกับอุปกรณ์ทั้งหมดผ่านคลาวด์ได้ ไม่ว่าจะเป็นปรับใช้งาน การรักษาความปลอดภัย รวมถึงบริหารจัดการและให้การสนับสนุนการใช้งาน”
เพิ่มศักยภาพไอที เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับคนทำงาน
Dell Technologies Unified Workspace ช่วยให้ลูกค้าสามารถปฏิรูปคนทำงานได้จริง ด้วยการปรับปรุงไอทีให้มีความคล่องตัว ประหยัดเวลา ลดความซับซ้อน และให้ความสามารถในส่วนงานสำคัญสำหรับธุรกิจ โดยให้ความสามารถในการมองเห็น มีมุมมองเชิงลึกและทำงานได้ในแบบอัตโนมัติ เพราะแพลตฟอร์มที่ผสานรวมการทำงานจะช่วยให้ลูกค้าเริ่มจากงานที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการในการเลือก หรือปรับใช้งาน หรือกระทั่งเรื่องการรักษาความปลอดภัยและการบริหารจัดการ จากนั้นก็ไปที่สิ่งสำคัญที่ต้องทำต่อไป จนได้รับประสบการณ์ Unified Workspace อย่างสมบูรณ์ในการเพิ่มศักยภาพไอทีและเพิ่มศักยภาพให้กับคนทำงาน
การนำพีซีมาใช้งานและบริหารจัดการจากคลาวด์ ได้อย่างทันสมัย
การบริหารจัดการตลอดช่วงอายุการใช้งานพีซีในรูปแบบเดิมๆ ต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ค่อนข้างมาก มีค่าใช้จ่ายแพง และไม่สามารถขยายเพื่อรองรับคนทำงานจากระยะไกลและที่ใช้อุปกรณ์โมบาย การที่ลูกค้าใช้ VMware Workspace ONE ซึ่งเป็นระบบโครงสร้างหลักของ Dell Technologies Unified Workspace ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี unified endpoint management เพื่อปรับปรุงเรื่องของการนำอุปกรณ์มาใช้งาน บริหารจัดการ และรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์เดลล์ ให้มีความทันสมัย
หลังจากที่มีการนำอุปกรณ์มาปรับใช้งานแล้ว ความสามารถด้านการบริหารจัดการเอ็นด์พอยต์แบบผสานรวมจาก Workspace ONE ก็จะช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการ PCLM แบบเดิมไปสู่การบริหารจัดการตามนโยบายผ่านคลาวด์ ปรับปรุงการใช้งานแอปพลิเคชันให้คล่องตัวยิ่งขึ้น ทำให้การ patching และสอดส่องสถานภาพการใช้งานอุปกรณ์ รวมถึงการวินิจฉัยสาเหตุต่างๆ ดำเนินไปในแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ Workspace ONE จะมอบประสบการณ์ digital workspace ที่ผสานรวมการทำงาน เพื่อที่พนักงานสามารถเข้าใช้งาน SaaS หรือแอปพลิเคชันภายในองค์กรผ่าน single sign on คือ Login เพียงครั้งเดียวใช้งานได้ทุกอุปกรณ์
จากการที่ผสานการทำงานร่วมกับ Microsoft ทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์จาก Microsoft 365 โดย Workspace ONE และบริการ Dell Provisioning และ Deployment Services จะมอบบริการระดับเวิร์ลด์-คลาส ในเรื่องการใช้งานไอทีในแบบทันสมัย พร้อมให้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้
นำข้อมูลที่ให้มุมมองเชิงลึก มาช่วยปฏิรูปแนวทางในการเลือกและนำอุปกรณ์มาใช้งาน
การนำมุมมองเชิงลึกที่ได้จากข้อมูลมาช่วยประเมินการใช้งานพีซีของคนทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้แบตเตอรี และสตอเรจ ไปจนถึงความต้องการด้านโมบิลิตี้ ตลอดจนแอปพลิเคชันที่มีการใช้งานบ่อยที่สุด ทำให้เดลล์ เทคโนโลยีส์ สามารถช่วยให้ลูกค้าเลือกพีซีและแอปพลิเคชันที่เหมาะสมสำหรับพนักงานแต่ละคนได้ อีกทั้งยังส่งตรงอุปกรณ์ที่ติดตั้งคุณสมบัติในการใช้งานล่วงหน้า (preconfigured) จากโรงงานเดลล์ ถึงมือผู้ใช้ได้เลย ซึ่งประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ต้องดูแลจัดการเองโดยอาศัยศักยภาพด้านข้อมูล จึงช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาของฝ่ายไอที ช่วยให้ไปมุ่งเน้นที่โครงการเชิงกลยุทธ์แทน ในขณะที่คนทำงานก็จะมีอุปกรณ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการใช้งานของแต่ละคน อีกทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลและแอปพลิเคชันได้เลย ช่วยสร้างผลลัพธ์ได้ทันทีตั้งแต่เริ่มบูทเครื่องเพื่อใช้งานเป็นครั้งแรก
ประสบการณ์ดังกล่าว เริ่มเห็นผลจริงเพราะ Dell provisioning สำหรับ VMware Workspace ONE ช่วยให้องค์กรส่งอุปกรณ์ที่มีการติดตั้งคุณสมบัติการทำงานมาล่วงหน้าพร้อมแอปพลิเคชันขององค์กร รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ โดยส่งตรงจากโรงงานเดลล์ ถึงมือผู้ใช้ วิธีนี้ช่วยประหยัดเวลาฝ่ายไอทีไปได้เกือบสัปดาห์สำหรับการนำอุปกรณ์จำนวน 1,000 เครื่องมาปรับให้เข้ากับการใช้งาน
Reimagining BIOS Security ด้วยความสามารถในการมองเห็นและการผสานรวมการทำงาน
แฮกเกอร์มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น และ BIOS ก็กลายเป็นส่วนที่ลูกค้ามีความกังวลกันมากขึ้น การจัดเก็บมาตรฐาน BIOS นอกโฮสต์ ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจในมาตรฐาน BIOS ในเวอร์ชั่นที่ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาติ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เก็บข้อมูล BIOS ไว้บนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ โดยเดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้แนะนำคุณสมบัติใหม่ใน Unified Workspace คือ Dell SafeBIOS ซึ่งเป็นยูทิลิตีที่ใช้ในการตรวจสอบ BIOS นอกโฮสต์ โดยเปิดให้ดาวน์โหลดได้ในลักษณะ standalone นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับ VMware Workspace ONE, Secureworks และ CrowdStrike ได้เช่นกัน
การผสานรวมการทำงานช่วยให้สามารถมองเห็น BIOS ในภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจจับการคุกคามที่ BIOS ได้อย่างมั่นใจ ด้วยคอนโซลของ CrowdStrike และเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ดีที่สุดด้วย Secureworks ซึ่งความสามารถในการมองเห็นระดับนี้ ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถกำหนดเวิร์กโฟลว์ใน Workspace ONE ในแบบอัตโนมัติเพื่ออัพเดตผ่านระบบไร้สายให้อุปกรณ์ที่ไม่อยู่ในมาตรฐานด้าน compliance กลับมาอยู่ในมาตรฐานด้าน compliance ทั้งนี้ ความสามารถในการผูกการวัดผลกับข้อมูลด้านภัยคุกคามของ Secureworks โดยตรง กับการตรวจจับภัยคุกคามของ CrowdStrike และสภาพการทำงานของอุปกรณ์ VMware Workspace ONE จะยิ่งยกระดับความสามารถด้านการมอนิเตอร์และความสามารถด้านการมองเห็นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความสามารถดังกล่าวสร้างบนองค์ประกอบอื่นภายใน Unified Workspace เพื่อรักษาความปลอดภัยของเอ็นด์พอยต์ เช่น Dell SafeGuard and Response ซึ่งเป็นสายผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารจัดการภัยคุกคามแบบครบวงจร ในส่วนโซลูชัน endpoint-security แบบเน็กซ์เจน ที่ผสานรวมการบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัย และความเชี่ยวชาญด้านการตอบโต้ต่อเหตุการณ์ภัยคุกคาม (incident response) รวมถึงการวิเคราะห์พฤติกรรมภัยคุกคามของ Secureworks ด้วยแพลตฟอร์มที่ผสานรวมการปกป้องเอ็นด์พอยต์จาก CrowdStrike
สนับสนุนการทำงานของฝ่ายไอทีได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
เฉพาะเจาะจง และนำมาใช้ดำเนินการได้จริง ตัวอย่างเช่น Dell ProSupport Plus พร้อมด้วย SupportAssist ช่วยลูกค้าลดเวลาในการแก้ไขปัญหาฮาร์ดดิสก์ขัดข้องได้เร็วขึ้นถึง 11 เท่า และเนื่องจากมีระบบ Telemetry ที่ดียิ่งขึ้น หรือตรวจวัดจากระยะไกลได้อัตโนมัติมากขึ้น ทำให้ฝ่ายไอทีสามารถให้การสนับสนุนผู้ใช้งานได้ด้วยความสามารถในการมองเห็นแบบเรียลไทม์ แก้ไขล่วงหน้าและอัพเดตเพื่อกำหนดสิทธิ์ได้
คำกล่าวสนับสนุน
“Dell Technologies Unified Workspace จะเปลี่ยนแนวทางการใช้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้อย่างสิ้นเชิง และช่วยทีมไอทีลดค่าใช้จ่ายด้วยการเปลี่ยนกระบวนการที่ต้องลงมือทำเอง ไปสู่วิธีการบริหารจัดการอันทันสมัย” ชานการ์ ไอเยอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่าย End User Computing ของวีเอ็มแวร์ กล่าว “การที่ VMware Workspace ONE ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของ Dell Technologies Unified Workspace พร้อมบริการจากเดลล์ จึงช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถช่วยให้พนักงานใหม่ เริ่มทำงานได้เร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมา ช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ อัพเดตอยู่ตลอด และขจัดกระบวนการที่ต้องเสียเวลาดำเนินการในแบบ manual โดยใช้เป็นระบบอัตโนมัติแทน”
“งานวิจัยด้าน ESG เน้นให้เห็นว่าการอัพเกรด อัพเดต การแพทช์ และดูแลรักษาความปลอดภัย ถือเป็นความท้าทายสูงสุดที่องค์กรต้องเผชิญเนื่องจากต้องสร้างสมดุลเรื่องสไตล์การทำงานที่ยืดหยุ่น และการตัดสินใจเรื่องการบริหารจัดการเอ็นด์พอยต์ รวมถึงการปฏิรูปธุรกิจทั้งหมดสู่ระบบดิจิทัล” มาร์ก บาวเออร์ นักวิเคราะห์อาวุโส ESG กล่าว “Dell Technologies Unified Workspace มอบศักยภาพโดยช่วยให้ทีมไอทีและซิเคียวริตี้ เพิ่มความสามารถด้านการสนับสนุน บริหารจัดการและแก้ปัญหาการใช้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ตลอดช่วงอายุการทำงาน ด้วยความชัดเจนและให้ความมั่นใจ”
การวางจำหน่าย
- Dell Provisioning สำหรับ VMware Workspace ONE, ProDeploy Client Suite และProSupport Suite สำหรับ PCs ออกวางจำหน่ายไปเมื่อเร็วๆ นี้
- ยูทิลิตี้ในการตรวจสอบของ Dell SafeBIOS พร้อมให้ดาวน์โหลดได้ในเดือนพฤษภาคม 2019 ส่วนยูทิลิตี้ที่ทำงานร่วมกับ VMware Workspace ONE, Secureworks และ CrowdStrike จะพร้อมให้ใช้งานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2019
- Dell SaftGuard and Response มีวางจำหน่ายทั่วไปแล้ว