ธุรกิจโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชม (pay TV) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจะเติบโตขึ้นประมาณ 5.8% ต่อปี จากปี 2016 ถึงปี 2021 อ้างอิงจากรายงานล่าสุด Asia Pacific Pay-TV & Broadband Markets จัดพิมพ์โดย Media Partners Asia (MPA) ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ชั้นนำในธุรกิจสื่อ
MPA วิเคราะห์การขายของธุรกิจโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชมใน 18 ตลาดทั่วเอเชียแปซิฟิค พบว่าจะไต่ขึ้นจาก 5.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2016 เป็น 7.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2021 และขึ้นเป็น 8.1 หมื่นล้านเหรียญภายในปี 2025 ซึ่งการเติบโตของจำนวนสมาชิกและรายรับนั้นช้าลงเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวบวกกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากทางเลือกอื่นๆ ทั้งที่ถูกและผิดกฎหมาย การเติบโตของจำนวนสมาชิกลดลงหรือชะลอตัวลงโดยเฉพาะในฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์
ในเวลาเดียวกันนั้น อินเดียกับเกาหลีกลับเป็นสองประเทศในภูมิภาคที่มีโอกาสในการขยายธุรกิจโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชมมากที่สุด การเติบโตทางรายรับนั้นจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ เนื่องจากจำนวนสมาชิกได้เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของ MPA ได้คาดการณ์ว่าจำนวนสมาชิกจะลดลงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ถึงแม้ว่า ARPU (รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้) จะมีความยืดหยุ่นในมาเลเซียและสิงคโปร์
ในเวลาเดียวกัน ธุรกิจโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชมในประเทศจีนยังคงเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และเริ่มเป็นแบบดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตามโอกาสในการเติบโตของธุรกิจยังมีข้อจำกัด เพราะมีกฎข้อบังคับเพิ่มมากขึ้น และมีการแข่งขันมากขึ้นจากฟรีทีวี รวมไปถึงผู้ให้บริการวิดีโอแบบออนไลน์
ส่วนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค การให้บริการสมาชิกแบบแพ็คเกจ (SVOD) ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชม ไม่เพียงแต่การเปิดตัวระดับโลกของ Netflix เมื่อต้นปีนี้ แต่ยังมีการแข่งขันเพิ่มขึ้นในการให้บริการระดับภูมิภาคและแบบท้องถิ่นที่มีราคาถูกกว่า
สมาชิกโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชมส่วนใหญ่ลดความสำคัญหรือยกเลิกบริการแบบจ่ายเงิน และให้ความสำคัญกับบริการที่ผิดกฎหมาย หรือตัวเลือกที่ฟรี หรือมีโฆษณาน้อยทั้งในทีวีและวิดีโอออนไลน์
ในเวลาเดียวกัน ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชมได้ต่อยอดไปใช้กล่องทีวีดิจิทัลที่รวมบริการวิดีโอ OTT (บริการสื่อสารและแพร่ภาพเนื้อหาผ่านแอพพลิเคชั่นบนอินเทอร์เน็ต) ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ให้บริการบางราย (โดยเฉพาะผู้ให้บริการโทรคมนาคม) ได้รวมเนื้อหาหลากหลายไว้ด้วยกัน รวมถึงช่องของโทรทัศน์ที่จ่ายค่ารับชม โดยใช้บรอดแบนด์ความเร็วสูง ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มการเติบโตของจำนวนสมาชิกผู้รับชมรายการ โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในบางแห่ง
ผู้อำนวยการบริหารของ MPA ได้ให้คำวิจารณ์เกี่ยวกับรายงานนี้ว่า:
“ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชมมุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนแพ็คเกจและปรับราคา ทั้งแบบบริการตามผังและตามความต้องการของผู้ชม รายการในท้องถิ่นและในภูมิภาคเอเชียนั้นมีความสำคัญเพิ่มขึ้นมาก รายการกีฬา รายการเด็ก รายการบันเทิงที่ให้ข้อมูล ภาพยนตร์ฮอลลีวูดยังคงเป็นรายการหลักของโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชม แม้ว่าช่องที่ฉายซีรี่ส์ฮอลลีวูดทางทีวีจะถูกขัดขวางด้วย OTT ทั้งแบบที่ถูกฎหมายและผิดกฎหมาย แต่ก็ยังมีผู้ให้บริการน้อยรายที่สามารถเข้าครองหรือทำเงินกับการชมวิดีโอออนไลน์จำนวนมากได้แม้ว่าผลตอบรับในช่วงแรกในฮ่องกงและเกาหลีจะน่าสนับสนุนก็ตาม เป้าหมายคือเพิ่มการเติบโตของจำนวนลูกค้าในรอบใหม่และการใช้จ่ายของลูกค้า ผู้ชมโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชมและการวิเคราะห์ข้อมูลได้รับการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะยังคงช้าไปที่จะสู้กับคู่แข่งอย่าง OTT ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชมที่ยังอยู่รอดได้จะเป็นผู้ขับเคลื่อนและมีเป้าหมายในการควบกิจการและรวมเข้าไว้ด้วยกัน เพราะโลกของโทรทัศน์แบบจ่ายค่ารับชม บรอดแบนด์ และ OTT เกิดการปะทะกันและเบนเข้ามาบรรจบกันในบริบทที่ใหญ่ขึ้นของธุรกิจสื่อและโทรคมนาคม”