วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2568

MOONSWATCH ขอฉลองการผ่านเกณฑ์การรับรองด้านการบินอวกาศของนาฬิกา OMEGA SPEEDMASTER เมื่อปี 1965




เมื่อปี 1965 นาฬิกา OMEGA Speedmaster เป็นนาฬิกาเพียงรุ่นเดียวที่ผ่านการทดสอบของ NASA องค์การอวกาศของสหรัฐฯ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อหกสิบปีที่แล้ว ในวันที่ 1 มีนาคม 1965 ระหว่างพัฒนาโครงการสำรวจอวกาศของสหรัฐฯ NASA ก็ต้องการนาฬิกาที่มีความน่าเชื่อถือ เที่ยงตรง อ่านเวลาได้ง่ายและใช้ทำภารกิจสำรวจอวกาศได้อย่างสะดวก วัตถุประสงค์คือการเฟ้นหาเรือนเวลาที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์สำหรับการบินอวกาศโดยมีมนุษย์ควบคุมทั้งหมดในอนาคต ในช่วงเวลาที่หลายประเทศต่างแข่งขันที่จะพิชิตดวงจันทร์

ในฐานะหน่วยงานรัฐบาล NASA จึงจำเป็นต้องประกาศการประกวดราคาอย่างเป็นทางการ โดยเรียกร้องให้ผู้ผลิตนาฬิกายื่น "RFP" (คำขอข้อเสนอ) เข้ามา องค์การอวกาศของสหรัฐฯ ต้องการนาฬิกาที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว OMEGA ส่งรุ่น Speedmaster ของตัวเองมา (ST105.003 จากปี 1964), Longines เสนอรุ่น Wittnauer 235T และแบรนด์ ….X ส่งเรฟ 6238 มา จากนั้น NASA ก็ทดสอบนาฬิกาโครโนกราฟ 11 ครั้งติดต่อกันอย่างเข้มข้นที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ จากนาฬิกา 3 เรือนที่ทดสอบ มีเพียงเรือนเดียวที่ได้รับการรับรองการบินอันทรงเกียรติสำหรับภารกิจอวกาศที่มีนักบินของ NASA และกิจกรรมนอกยานอวกาศ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 1965: OMEGA Speedmaster นาฬิกา MOONSWATCH 1965 น้องใหม่ขอสดุดีแด่เรือนเวลาอันเป็นเอกลักษณ์และการผ่านเกณฑ์ด้านการบินจาก NASA เมื่อหกทศวรรษก่อน

เจ้าหน้าที่ที่ทดสอบของ NASA ต่างชื่นชอบและได้แนะนำนาฬิกา OMEGA Speedmaster เนื่องจาก "มีความเที่ยงตรง ความเชื่อถือ อ่านเวลาได้ชัดเจนและใช้งานง่ายกว่ารุ่นอื่น" ในที่สุด การผ่านเกณฑ์ด้านการบินของ OMEGA ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้จริง สามเดือนหลังจากการทดสอบและระหว่างการทำภารกิจ "Gemini IV" ในวันที่ 3 มิถุนายน Ed White ก็ได้ลอยตัวออกนอกยานอวกาศเป็นเวลากว่า 20 นาทีขณะสวมนาฬิกา OMEGA Speedmaster อีกด้วย

นาฬิกา MOONSWATCH 1965 มีเอกลักษณ์ทั้งหมดของรุ่น Speedmaster ที่ผ่านการทดสอบจาก NASA เมื่อหกสิบปีก่อน โลโก้ OMEGA ในสมัยนั้น (ที่อยู่ตรงสายนาฬิกาและเม็ดมะยมด้วย) เข็มนาฬิกาและตระกูลฟอนต์ทั้งหมดต่างก็สะท้อนสไตล์ของนาฬิกาต้นตำรับ ทำให้นาฬิการุ่นใหม่นี้มีกลิ่นอายวินเทจที่น่าสนใจ แต่นาฬิการุ่นนี้ยังมีเซอร์ไพรส์รออยู่มากกว่านี้อีก เช่น หน้าปัดก็เป็นการคารวะนาฬิกา OMEGA Speedmaster Moonwatch Professional ที่มีสีขาวบริสุทธิ์และเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม 2024 (310.30.42.50.04.001)

หน้าปัดแสดงการจับเวลาตรงตำแหน่ง 10 และ 2 นาฬิกาของรุ่น MOONSWATCH 1965 น้องใหม่ก็ไม่เคยมีมาก่อน หน้าปัดอันแรกมีเลข 19 (ซึ่งปกติจะเป็นเลข 60) ตรงด้านบน ส่วนอีกอันจะมีเลข 65 (ซึ่งปกติจะเป็นเลข 10) และหมายถึงปี 1965




ดังนั้น จึงมีการปรับเปลี่ยนหน้าปัดแสดงการจับเวลาของนาฬิกาโครโนกราฟดังนี้:

หน้าปัดแสดงการจับเวลาตรงตำแหน่ง 10 นาฬิกา: 19 ชั่วโมง
หน้าปัดแสดงการจับเวลาตรงตำแหน่ง 2 นาฬิกา: 65 นาที

จึงมีการเน้นเลข 19 และ 65 ตรงหน้าปัด ทำให้อ่านเป็นเลข 1965 ได้ รวมถึงเลข 60 ตรงเข็มวินาทีขนาดเล็กตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา (ซึ่งยังคงเหมือนเดิม) การอ่านเวลาของนาฬิกาโครโนกราฟรุ่นนี้จะต่างออกไปเล็กน้อยเนื่องจากหน้าปัดแสดงการจับเวลาอันแรกจะจับเวลาทั้งหมด 65 นาทีก่อนที่จะจับเวลาในหลักชั่วโมง กล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็คือเข็มของหน้าปัดแสดงการจับเวลาทั้งสองอันจะทำงานดังนี้:

  • หน้าปัดแสดงการจับเวลาตรงตำแหน่ง 10 นาฬิกา (19 ชั่วโมง) และหน้าปัดแสดงการจับเวลาตรงตำแหน่ง 2 นาฬิกา (65 นาที) จะ "หมุนเป็นวงกลมหนึ่งรอบเต็ม" เมื่อครบ 64 นาที
  • หน้าปัดแสดงการจับเวลาตรงตำแหน่ง 10 นาฬิกาจะหมุนหนึ่งรอบและบอกว่าเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงแล้ว (หรือเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง)
  • หน้าปัดแสดงการจับเวลาตรงตำแหน่ง 2 นาฬิกาจะหมุนหนึ่งรอบและบอกว่าเวลาผ่านไป 5 นาทีแล้ว

วิธีนี้ทำให้ไม่ต้องรีเซ็ตหน้าปัดแสดงการจับเวลาตรงตำแหน่ง 2 นาฬิกา (นาที) ที่เลขศูนย์และทำให้สามารถอ่านเวลาตามปกติได้ด้วยการบวกชั่วโมงและนาทีเอง จะมีการเคลื่อนไหวนี้ทุกๆ 65 นาที และทั้งสองเข็มจะเคลื่อนไหวพร้อมกัน

นอกจากนี้ หน้าปัดแสดงการจับเวลาจะบอกปี 1965 และฉลองครบรอบ 60 ปีที่ผ่านเกณฑ์ด้านการบินจาก NASA ตัวเลข “19” อยู่ตรงตำแหน่ง 10 นาฬิกาของหน้าปัดแสดงการจับเวลา ตัวเลข "65" จะอยู่ตรงตำแหน่ง 2 นาฬิกา และตัวเลข "60" จะอยู่ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งจะมองเห็นได้เมื่อโดนแสงยูวี เข็มและหลักชั่วโมงเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® เกรด A เพื่อให้อ่านได้ชัดเจนที่สุดในที่มืด

MOONSWATCH 1965 มาพร้อมข้อความพันธกิจตรงฝาหลังและโลโก้ OMEGA X SWATCH ตรงหน้าปัดและเม็ดมะยม สาย VELCRO® สีเทา ซึ่งเหมาะสำหรับชุดนักบินอวกาศ จะทำให้ได้สไตล์นักบินอวกาศสุดชิค และมีการเย็บตะเข็บสีตัดกัน ซึ่งเข้ากับสีตัวเรือนและสายนาฬิกา

รุ่นใหม่นี้ยังคงมีคุณสมบัติหลักทั้งหมดของรุ่น OMEGA Speedmaster Moonwatch ต้นตำรับครบถ้วน: ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนแบบอสมมาตร มาตรวัดความเร็วอันโด่งดังที่มีจุดเหนือเลขเก้าสิบและหน้าปัดแสดงการจับเวลาที่เป็นเอกลักษณ์ของ Speedmaster และเช่นเดียวกับนาฬิกา Bioceramic MoonSwatch ทุกรุ่น นาฬิกาน้องใหม่แกะกล่องนี้ก็มาพร้อมฟังก์ชันโครโนกราฟ

และเช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ทั้งหมดที่เป็นผลงานคอลแล็บระหว่าง OMEGA X SWATCH รุ่น “1965” ที่ไม่ใช่รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ก็ทำจากวัสดุ Bioceramic ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Swatch จากการผสมผสานเซรามิกสองในสามส่วนรวมเข้ากับวัสดุ biosourced จากน้ำมันละหุ่ง หนึ่งในสามส่วน

นาฬิกาน้องใหม่ในคอลเลกชัน Bioceramic MoonSwatch วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป (วันที่นาฬิกา Speedmaster ผ่านเกณฑ์จาก NASA เมื่อปี 1965) เฉพาะที่ร้านค้าของ Swatch ทั่วโลกที่ร่วมรายการเท่านั้น และเช่นเดียวกับนาฬิกาทั้งหมดในคอลเลกชัน Bioceramic MoonSwatch ก็จำกัดสิทธิ์ในการซื้อ 1 เรือน/ 1 สาขา/ 1 คน/ 1 วันเท่านั้น

การทดสอบติดต่อกันสิบเอ็ดรูปแบบของ NASA

NASA ตั้งมาตรฐานนาฬิกาที่ทดสอบไว้สูงมากเพื่อให้นักบินอวกาศสามารถสวมใส่ไปทำภารกิจสำรวจอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมได้ ความน่าเชื่อถือมีความสำคัญอย่างยิ่งระหว่างการทดสอบนาฬิกาโครโนกราฟของทั้งสามแบรนด์ติดต่อกันทั้ง 11 รูปแบบ นาฬิกาจะต้องมีความเที่ยงตรงระดับ 5 วินาทีตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมงและควรที่จะมีความเที่ยงตรงระดับ +/- 2 วินาทีต่อ 24 ชั่วโมง นาฬิกาจำเป็นต้องมีฟังก์ชันหยุดเวลา อ่านได้ง่ายและป้องกันสนามแม่เหล็กได้

1. การทดสอบความทนทานต่ออุณหภูมิสูง: 70 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 48 ชั่วโมง จากนั้น ก็ทดสอบที่ 93 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 30 ชั่วโมงในห้องสูญญากาศบางส่วน

2. การทดสอบความทนทานต่ออุณหภูมิต่ำ: -18 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 4 ชั่วโมง

3. การทดสอบสูญญากาศ: ได้รับความร้อนในห้องสูญญากาศ จากนั้น ก็ได้รับความเย็นที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียสเป็นเวลาหลายรอบ

4. การทดสอบความทนทานต่อความชื้น: ผ่านการทดสอบในรอบที่ใช้เวลา 24 ชั่วโมงทั้งหมดสิบ รอบและมีความชื้น >95% อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 25-70 องศาเซลเซียส

5. การทดสอบความทนทานต่อการกัดกร่อน: เมื่อสัมผัสกับอ๊อกซิเจนที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 48 ชั่วโมง

6. การทดสอบความทนทานต่อแรงกระแทก: ได้รับแรงกระแทก 40 เท่าของแรงโน้มถ่วงหกครั้งจากหกทิศทาง

7. การทดสอบความทนทานต่อแรงกระแทกที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น: ค่อยๆ เพิ่มแรงกระแทกจนถึง 7.25 เท่าของแรงโน้มถ่วงเป็นเวลาราวห้านาที จากนั้นก็ทดสอบแรงกระแทก 16 เท่าของแรงโน้มถ่วงเป็นเวลา 30 วินาทีในสามทิศทาง

8. การทดสอบความทนทานต่อแรงดันต่ำ: สัมผัสความกดอากาศที่ต่ำกว่าปกติ 10-6 เท่า ที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 90 นาที จากนั้น ก็ทดสอบที่อุณหภูมิ 93 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที

9. การทดสอบความทนทานต่อแรงดันสูง: สัมผัสความกดอากาศที่สูงกว่าปกติ 1.6 เท่าเป็นเวลา 60 นาที

10. การทดสอบการสั่นสะเทือน: รับแรงสั่นสะเทือนแบบสุ่มในสามทิศทางระหว่าง 5-2,000 เฮิรตซ์และได้รับแรงกระแทก 8.8 เท่าของแรงโน้มถ่วง

11. การทดสอบเสียง: ทดสอบที่ 130 เดซิเบล ความถี่ตั้งแต่ 40-10,000 เฮิรตซ์เป็นเวลา 30 นาที

(แหล่งที่มา คลังข้อมูลของ OMEGA)


MOONSWATCH 1965 / SO33M106

วัสดุของตัวเรือน: ตัวเรือน เม็ดมะยมและปุ่มกดทำจากวัสดุ Bioceramic สีเทา
เส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือน: 42.00 มม.
ความหนาของตัวเรือน: 13.25 มม.
ความยาวตัวเรือนรวมขานาฬิกา: 47.30 มม.
กลไกควอตซ์: โครโนกราฟ
คุณสมบัติในการกันน้ำ: 3 bar
กระจก: กระจกทรง box-shaped ที่ทำจากวัสดุ biosourced สลักตัว "S" ตรงกลางที่ย่อมาจากโลโก้ของ Swatch
หน้าปัด: สีขาวพร้อมโลโก้ OMEGA X Swatch Speedmaster และ MoonSwatch หน้าปัดแสดงการจับเวลาแบบเว้าพร้อมเข็มสีดำและตัวเลขอารบิก หลักชั่วโมงสีดำเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® เกรด A (เรืองแสงสีเขียว)
เข็ม: เข็มชั่วโมงและเข็มนาที รวมถึงปลายเข็มวินาทีเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® เกรด A (เรืองแสงสีเขียว)
ขอบหน้าปัด: Bioceramic สีดำที่มีมาตรวัดความเร็วสีขาว
สายนาฬิกา: สาย VELCRO® สีเทา ลูป Bioceramic สีเทาและเย็บสีเทาอ่อนที่ตัดกัน
ราคา: 9,800 บาท

* ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่