อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM เปิดผลงาน 9 เดือน โกยรายได้รวม 7,273.0 ล้านบาท ดันกำไรพุ่ง 573.6 ล้านบาท ทุบสถิตินิวไฮกำไรอีกครั้ง อานิสงค์จากผลงานไตรมาส 3 ที่ยังแข็งแกร่ง กลยุทธ์ธุรกิจรุดหน้าตามแผน ส่งผลรายได้และกำไรยังสามารถเติบโตฝ่าภาวะเศรษฐกิจฝืด เร่งอัดกิจกรรมโปรโมชันทุกช่องทางช่วงโค้งสุดท้ายของปี 67 หวังคว้าโอกาสช่วง High Season ท่องเที่ยวและเทศกาล ดันผลงานสิ้นปีโตต่อเนื่องตามเป้า
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจรในประเทศไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 (มกราคม-กันยายน 2567) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,273.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากปี 2566 ซึ่งทำได้ 6,845.9 ล้านบาท มีกำไรสุทธิประจำงวด 573.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% จากปี 2566 ซึ่งเคยทำได้ 529.4 ล้านบาท ซึ่งสามารถทำลายสถิติกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
ขณะที่ผลการดำเนินการไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน 2567) ของบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,447.1 ล้านบาท เติบโต 1.2% จากปี 2566 ที่ทำได้ 2,417.7 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 193.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากปี 2566 ที่ทำได้ 191.5 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ถือว่ามีนัยสำคัญต่อการเติบโตที่ช่วยสะท้อนผลสำเร็จตามแผนกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทฯ ที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี เพราะแม้จะเป็นไตรมาสที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค รวมถึงการรุกเข้ามาของสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์ราคาถูกจากต่างประเทศผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ ด้วยการปรับกลยุทธ์ การทำโปรโมชั่นที่หลากหลาย ทั้งบนช่องทางหน้าร้านค้าปลีกของบริษัทฯ และบนออนไลน์ ประกอบกับการตัดสินใจรีโนเวทหลายสาขาสำคัญเพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ได้แบบถูกที่ถูกเวลา ส่งผลให้ยอดขายทุกช่องทาง ซึ่งรวมถึงยอดขายงานโครงการมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ในธุรกิจพื้นที่เช่าของเราก็ยังคงรักษาการเติบโตได้อย่างดี ทั้งจากการเปิดสาขาใหม่และการรักษาอัตราการให้เช่าพื้นที่ให้มีการเติบโตต่อเนื่อง เมื่อผนวกกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ยังคงมีผลประกอบการที่โดดเด่นและเติบโตได้เป็นอย่างดี” นางสาวกฤษชนก กล่าว
นางสาวกฤษชนก กล่าวเสริมว่า สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 มองว่าอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยมีโอกาสเติบโตได้อีก โดยจะสัมพันธ์กับการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวช่วง High Season ประกอบกับ ดีมานด์ความต้องการจากกลุ่มที่ต้องซ่อมแซมและปรับปรุงบ้านหลังน้ำลด และรวมทั้งโอกาสจากการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมแผนขยายช่องทางการขายและปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในทุกตลาด เพื่อรักษาการเติบโตช่วงโค้งสุดท้ายและผลักดันผลการดำเนินงานทั้งปีให้เติบโตต่อเนื่อง โดยล่าสุดเพิ่งทำการเปิดศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์ Hi-end แห่งใหม่ Décor Scape ทองหล่อ รวมถึง อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จ.สระบุรี เมื่อเดือน ต.ค. และต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และ Little Walk สาขารัตนาธิเบศร์ รวมทั้งการรีโนเวทปรับปรุงใหญ่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาเชียงใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ นอกจากมุ่งเน้นสร้างการเติบโตทางธุรกิจแล้ว อีกด้านหนึ่งที่ ILM ให้ความสำคัญควบคู่กันนั่นคือ การมีส่วนร่วมสนับสนุนสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีการจัดทำโครงการเพื่อสังคมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น โครงการ “Index Living Mall ร่วมใจช่วยน้ำท่วม 7 โรงเรียน พื้นที่ภาคเหนือ” ที่เป็นการให้ความช่วยเหลือด้านเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์การเรียน และสิ่งของจำเป็นมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท แก่โรงเรียนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โครงการความร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนในการแปรรูปเศษโฟมยางพาราเป็นเบาะรองนั่งเพื่อสุขภาพ จัดจำหน่ายใน Index Living Mall โดยถือเป็นการช่วยลดขยะ ลดภาระสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และมีส่วนร่วมสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ILM เพิ่งได้รับรางวัล Highly Commended Sustainable Supply Chain Awards ประเภทกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence จากเวที SET Awards 2024 สำหรับกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด สูงกว่า 10,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรางวัลที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจอย่างรอบด้าน รวมถึงความโดดเด่นในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานของ ILM ทั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันควบคู่กับการสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน”