วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2567

SABINA ยันไม่กระทบหลังแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์แข่งเดือด เผย 3 ปัจจัยหนุนขึ้นแท่นยืนหนึ่งสินค้าแบรนด์กลุ่มแฟชั่นช่องทางออนไลน์ พร้อมตั้งเป้าช่องทางขายไม่มีหน้าร้าน (NSR) ปีนี้โตไม่น้อยกว่า 15%




SABINA เผยหลังผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นในแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำตลาดอีมาร์เก็ตเดือด ยันไม่ได้รับผลกระทบ ชี้คุณภาพสินค้า ราคา บริการก่อนและหลังการขาย เป็นปัจจัยกำหนดสถานะของ “ผู้เล่นในตลาด” มั่นใจยังเป็นสินค้า “แบรนด์” ในกลุ่มแฟชั่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่องทางขายไม่มีหน้าร้าน พร้อมเดินหน้าหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ที่เชื่อว่าจะช่วยขยายฐานลูกค้าออนไลน์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ชี้ 3 ปัจจัยเบื้องหลังความสำเร็จ มาจากการพัฒนาสินค้าตามความต้องการของลูกค้า ความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ และการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมตั้งเป้าช่องทางขาย NSR ปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 15%

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า แม้ว่า ปัจจุบันจะมีผู้เล่นรายใหม่ๆ เข้ามาในแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น จนทำให้ตลาดมีการแข่งขันสูงขึ้น แต่ SABINA ไม่ได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น และยังรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดไว้ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแบรนด์แฟชั่น ที่ SABINA ยังคงเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่มียอดขายสูงสุดในช่องทางออนไลน์

ปัจจุบัน SABINA มีช่องทางขายผ่าน 3 ช่องทางหลัก ประกอบด้วย ช่องทางค้าปลีก (Retail) ซึ่งมีสัดส่วน 62% ของยอดขายรวม ช่องทางขายที่ไม่มีหน้าร้าน (Non Store Retailing หรือ NSR) ซึ่งมีสัดส่วน 34% และช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 4% โดยในช่วงครึ่งแรก (มกราคมถึงมิถุนายน) ของปี 2567 ช่องทางขายที่ไม่มีหน้าร้านของ SABINA สามารถเติบโตได้ถึง 31.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ SABINA ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทาง NSR ไว้ไม่น้อยกว่า 15%

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายในช่องทาง NSR ของ SABINA เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและน่าพอใจ มาจาก 1.การพัฒนาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่องทาง 2.ความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการ ที่เน้นการเข้าถึงง่ายและเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และ 3.การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร รวมถึงต้องคำนึงถึงความยั่งยืนเสมอ

“แน่นอนว่า ในระยะแรก ลูกค้าอาจจะทดลองสั่งสินค้าในแพลตฟอร์มที่เข้ามาใหม่ๆ เราต้องปล่อยให้ลูกค้าทดลอง เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ แต่ด้วยคุณภาพของสินค้าและบริการทั้งก่อนและหลังการขายของเรา ทำให้เราเชื่อว่า สุดท้ายแล้วลูกค้าจะเลือกสินค้าที่มีมาตรฐาน และลูกค้าจะเป็นผู้เลือกสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าในระยะยาว ซึ่ง SABINA มีจุดแข็งที่จะรับมือกับการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ โดยเฉพาะสินค้าของ SABINA เป็นสินค้าที่มี “แบรนด์” ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่เชื่อถือได้ เรามีการทำตลาด ทำโฆษณา มีดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ทำให้เรามั่นใจว่า เราจะสามารถแข่งขันและสร้างการเติบโตได้ในทุกช่องทาง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว

นอกจากนี้ SABINA ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาธุรกิจใหม่ (New Business) ในช่องทางขายที่ไม่มีหน้าร้าน ซึ่งมั่นใจว่า จะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการขยายฐานลูกค้าออนไลน์ ขณะเดียวกัน SABINA ยังนำความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับช่องทางออนไลน์ในประเทศไทยไปประยุกต์ใช้กับการขยายช่องทางออนไลน์ในฟิลิปปินส์ หลังจากบริษัทฯ เข้าถือหุ้นใน Moda ฟิลิปปินส์ ทำให้ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของ Moda ซึ่งเคยมีสัดส่วนน้อยกว่า 1% เพิ่มขึ้นเป็น 8% ในปัจจุบัน และเชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีก ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางขายออนไลน์ของ SABINA ในอนาคต