วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2566

TGE โชว์ผลงานครึ่งปีแรก 2566 โดดเด่น ทำกำไรสุทธิ 121.6 ล้านบาท เติบโต 13.2% คาดครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง เดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนตามแผน


‘บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่’ หรือ TGE ผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจ โชว์ผลงานงวดครึ่งปีแรก 2566 ทำกำไรสุทธิ 121.6 ล้านบาท เติบโต 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการดำเนินงาน 470.2 ล้านบาท จากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าชีวมวลอย่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณและราคาขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบลดลง คาดครึ่งปีหลังเติบโตใกล้เคียงกัน เผยความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนอยู่ระหว่างจัดจ้างผู้รับเหมา 3 โครงการ จาก 5 โครงการที่ชนะการประมูลจาก อปท. ส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่ง ได้รับการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตแล้วรวม 122,545 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เสริมความมั่นคงรายได้ในอนาคต

นางสาวสุภาพ ฉันทวิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน (CFO) บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีรายได้จากการดำเนินงาน 235.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการดำเนินงาน 230.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 58.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.7 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 470.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 452.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 121.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 107.4 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและเติบโตตามเป้าหมาย

ผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีดังกล่าวมาจากการมุ่งเน้นบริหารจัดการโรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD แล้วทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) โรงไฟฟ้าท่าฉาง พาวเวอร์ กรีน (TPG) และโรงไฟฟ้าท่าฉางไบโอเพาเวอร์ (TBP) ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีอัตราการเดินเครื่องจักรผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยในไตรมาส 2/2566 ที่ 95% 94% และ 94% ตามลำดับ โดยตั้งแต่กลางปี 2565 บริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มเติมของโรงไฟฟ้า TBP จำนวน 6 เมกะวัตต์ (MW) และในปีปัจจุบันยังมีปริมาณการขายไฟฟ้าแก่ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การปรับขึ้นค่า FiT (Feed-in Tariff) และค่า Ft (ค่าไฟฟ้าผันแปร) ตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้รายได้การจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับได้รับปัจจัยบวกจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงตามราคาตลาดของเชื้อเพลิงจากปาล์ม ทำให้เป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้กำไรปรับตัวสูงขึ้น

นายสืบตระกูล บินเทพ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ (CBDO) กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่ชนะการประมูลจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แล้ว 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 39.9 MW หลังจากที่เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า PPA หรือ Power Purchase Agreement (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แล้ว 3 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า TES-CPN ชุมพร โครงการโรงไฟฟ้า TES-SKW สระแก้ว และโครงการโรงไฟฟ้า TES-RBR ราชบุรี มีปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญา 4 MW 6 MW และ 6 MW ตามลำดับ รวมทั้งสิ้น 16 MW เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างด้วยวิธี EPC (Engineering, Procurement and Construction) คาดว่าใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 20 เดือน และจะเริ่ม COD ครึ่งปีแรกของปี 2568 ส่วนอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า TES-TCN สมุทรสาคร และโครงการโรงไฟฟ้า TES-CNT ชัยนาท คาดว่าจะเซ็นสัญญา PPA เร็วๆ นี้ หลังจากนั้นจะจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างและคาดว่าจะ COD ปลายปี 2568

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าให้สามารถเดินเครื่องจักรอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนะกับ อปท.อีก 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า TES PRI ปราจีนบุรี และโรงไฟฟ้า TES BUN อุบลราชธานี รวมขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนด้านอื่นๆ นอกจากนี้บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนเครดิต) จากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทยแบบมาตรฐาน (Standard T-VER) แล้ว 2 แห่ง รวม 122,545 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ได้แก่ โรงไฟฟ้า TPG มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรอง 33,964 tCO2eq ในช่วงระยะเวลาคำนวณเครดิตของโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 – 31 กรกฎาคม 2565 และโรงไฟฟ้า TBP จำนวน 88,581 tCO2eq ในช่วงระยะเวลาคำนวณเครดิตของโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อร่วมลดภาวะโลกร้อนและช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านรายได้ในอนาคต