กลุ่ม KTIS เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2566 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566 เติบโตกว่างวดเดียวกันของปี 2565 อย่างมาก โดยมีกำไรสุทธิ 482.8 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนถึง 3,330.1% มีรายได้รวม 7,396.5 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 73.1% พร้อมแจกแจงการเติบโตในแต่ละสายธุรกิจ พบว่าปริมาณการจำหน่ายในทุกสายธุรกิจสูงขึ้นจากปีก่อน โดยรายได้สายธุรกิจเอทานอลโต 110.7% ธุรกิจน้ำตาลทรายโต 78.0% การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลโต 64.9% และสายธุรกิจเยื่อกระดาษชานอ้อยโต 23.7%
นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 (เม.ย.-มิ.ย. 66) เติบโตขึ้นกว่างวดเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้รวม 7,396.5 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 73.1% มีกำไรสุทธิ 482.8 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ถึง 3,330.1%
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่นมาจากปริมาณและคุณภาพอ้อยที่สูงกว่าปีก่อน ทำให้มีวัตถุดิบมากขึ้นในการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย เอทานอล เยื่อกระดาษชานอ้อย และการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ประกอบกับการขายผลผลิตได้ราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำตาลทรายในประเทศสูงขึ้น ราคาขายเอทานอลสูงขึ้น ราคาขายเยื่อกระดาษต่างประเทศสูงขึ้น และราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยก็สูงกว่าปีก่อน จึงทำให้ทั้ง 4 สายธุรกิจมีการเติบโตอย่างมาก
“รายได้ของสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลโตขึ้นถึง 110.7% ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายโต 78.0% การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลมีรายได้เติบโต 64.9% และสายธุรกิจเยื่อกระดาษชานอ้อย เติบโต 23.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน” นายสมชายกล่าว