บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า (บริษัทฯ หรือ CPAXT) ประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2566 ทำรายได้รวม 241,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,746 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 3,682 ล้านบาท อีกทั้ง Core net profit ในครึ่งปีแรกเติบโตกว่า 4.2% เป็นไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของยอดขาย พร้อมเดินหน้าวางแผนเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังเต็มกำลัง ด้วยการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ พร้อมพัฒนารูปแบบสาขาใหม่ รวมถึงเน้นการขายนอกร้านมากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดการขายนอกร้านเป็น 15-20% ภายในปี 2567
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 241,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,746 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากธุรกิจค้าส่งแม็คโคร 130,875 ล้านบาท และธุรกิจค้าปลีกโลตัส 110,959 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 3,682 ล้านบาท เติบโต 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Core Net Profit) ที่ไม่รวมรายการพิเศษในครึ่งปีแรกปี 2566 จะเป็นจำนวน 3,781 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 4.2 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของยอดขาย
การเติบโตในครึ่งปีแรก 2566 ได้รับปัจจัยบวกจากการเดินหน้าขยายสาขาและเพิ่มประสิทธิภาพแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ รวมถึงผสานช่องทางการขายออนไลน์และสาขาอย่างไร้รอยต่อ สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าพร้อมบริการจัดส่ง ในขณะเดียวกันสาขาเดิมก็เติบโตจากความแข็งแกร่งของกลุ่มสินค้าอาหารสด โดยยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจค้าส่งมีอัตราเติบโต (SSSG) 8.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มุ่งมั่นเพิ่มโอกาสทางการขายทั้งภายในสาขา และขายนอกร้าน โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพิ่มโอกาสทางการขายด้วยการขยายสาขาในหลากหลายรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบไปด้วย สาขาขนาดใหญ่ 8-10 สาขา สาขาขนาดกลางและขนาดเล็ก 70-80 สาขา
นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ คือ การพัฒนารูปแบบสาขาใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ด้วยรูปแบบผสมผสาน (Hybrid) ที่ดึงจุดแข็งของธุรกิจค้าส่ง แม็คโคร แหล่งรวมอาหารสดคุณภาพ ราคาประหยัด กับโลตัส ที่โดดเด่นในด้านการบริหารจัดการพื้นที่ศูนย์การค้า มาตอบโจทย์ลูกค้าทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ที่ต้องการทั้งสินค้าดีและพื้นที่ในการใช้ชีวิตที่หลากหลาย ซึ่งเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์มาสนับสนุนกัน เพื่อดึงดูดลูกค้าทุกกลุ่ม รูปแบบ Smart Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตของคนทุกวัยในชุมชน ซึ่งได้เปิดตัวโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และปีนี้ยังได้เปิดตัวโลตัส พรีเว่ พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต และโลตัส Smart Store ที่นำเทคโนโลยีสุดล้ำมาพัฒนานำร่องร้านค้าอัจฉริยะ Pick&Go ที่โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ อีกด้วย
สำหรับแผนการขายนอกร้าน บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบออนไลน์และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตและมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ระดับภูมิภาค พร้อมทั้งเน้นการทำโปรโมชั่นแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) มากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ คือ การจัดทัพเถ้าแก่ขาย (B2B Salesforce Team) ทีมขายมากประสบการณ์กว่า 1,000 คน ที่มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้ากลุ่มโชห่วยและร้านอาหารมากกว่า 34 ปี จึงสามารถให้บริการและแนะนำสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงตามความต้องการของธุรกิจ
“เชื่อมั่นว่าการวางกลยุทธ์ที่เข้มข้นของครึ่งปีหลัง เสริมกับปัจจัยบวกจากการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัว ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภค ผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตตามแผน” นายธานินทร์ กล่าว