วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2566

BLC โชว์ผลงานครึ่งปีแรกโตแกร่ง ทำกำไรสุทธิ 63.66 ล้านบาท พุ่งขึ้น 35.63% มองแนวโน้ม Q3/66 สดใส รับรู้รายได้จากตลาดส่งออก เทรนด์สุขภาพหนุนโต จ่อเซ็น MOU บุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ทั้งปีโตตามเป้า




‘บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLC’ ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 2/66 ทำรายได้ 327.65 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 33.41 ล้านบาท เติบโต 10.61% และ 77.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ หนุนผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 665.29 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 63.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.02% และ 35.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ มองแนวโน้มไตรมาส 3/66 เติบโตต่อเนื่อง จากเทรนด์สุขภาพเติบโต เตรียมรับรู้รายได้จากตลาดส่งออก แย้มครึ่งปีหลังรอเซ็น MOU อีกหลายประเทศ เร่งเครื่องปั๊มยอดขายรับไฮซีซัน บุกตลาด CLMV และตะวันออกกลาง มั่นใจรายได้ทั้งปีโตตามเป้า

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ BLC) ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 327.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.56% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากการทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง การจัดโปรโมชัน และการออกบูธแสดงสินค้า เพื่อสร้าง Brand Awareness ให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ รวมทั้งการเพิ่มรายได้จากช่องทางการจัดจำหน่ายในโรงพยาบาล ร้านขายยา โมเดิร์นเทรด และช่องทางออนไลน์ ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 33.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2566 มีรายได้รวม 665.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.02% และมีกำไรสุทธิ 63.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.63% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC กล่าวว่า อุตสาหกรรมยาครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะขยายตัว 4-5% ต่อปี จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่กลับเข้ามารักษาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งกระแสการใส่ใจสุขภาพหลังการระบาดของโควิด-19 เป็นเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังเติบโตทั่วโลก ส่งผลให้ดีมานด์ยา เวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Ageing Society อย่างเต็มรูปแบบ จากการมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ 12 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ BLC ในฐานะบริษัทยาของคนไทย ได้เตรียมความพร้อมในการผลิตยาสามัญใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูง เพื่อตอบสนองเทรนด์สุขภาพดังกล่าว พร้อมวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมสมุนไพรไทยในการใช้เป็นทางเลือกในการรักษาควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านยาให้แก่ประเทศไทย ลดการพึ่งพิงยานำเข้าจากต่างประเทศ

สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ วางกลยุทธ์ Product Mix เพิ่มการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรสูง เพิ่มผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ ให้มากขึ้นเพื่อรักษาอัตราการทำกำไรที่ดีในระยะยาว และได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จากการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้นทำให้สัดส่วนต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายส่วนที่เป็นต้นทุนคงที่ต่อรายได้จากการขายลดลง นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายในช่องทางโรงพยาบาล โดยจะนำเสนอยาสามัญใหม่ของบริษัทฯ ไปยังลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลรัฐและเอกชน พร้อมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรงผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด และอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ผ่านตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ โดยในปี 2565 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ 6.1% และมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้จากการส่งออก มากขึ้นจากเดิม ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมายรายได้ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 ตามแผนงานที่วางเอาไว้

“ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเราได้เซ็น MOU เพื่อส่งออกครีมไพล Plaivana และเจลพริก Capsika ไปยังประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งสมุนไพรนวัตกรรม (Innovation Thai Herb) ที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์แผนปัจจุบันให้ใช้ในโรงพยาบาล และมีศักยภาพในการเติบโตในต่างประเทศ โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ และเรามีแผนเซ็น MOU กับอีกหลายประเทศ ทั้งใน CLMV และประเทศแถบตะวันออกกลาง ทำให้มั่นใจว่าครึ่งปีหลังบริษัทฯ จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางเอาไว้” ภก.สุวิทย์ กล่าว