นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2566 เซ็นทรัล รีเทล สามารถกวาดรายได้ถึง 123,208 ล้านบาท (+9% YoY) และกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท (+37% YoY) พร้อมทั้งปิดไตรมาส 2 ได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 60,002 ล้านบาท (+6% YoY) และกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท (+5% YoY) จากการบริหารงานและพอร์ตโฟลิโอที่มีความยืดหยุ่น และคล่องตัว รวมทั้งความสำเร็จของการขยายพอร์ตให้เติบโตครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร และเป็นแพลตฟอร์มค้าปลีกที่เติมเต็มศักยภาพให้กับพาร์ทเนอร์ และซัพพลายเออร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เซ็นทรัล รีเทล สร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์”
สำหรับครึ่งปีหลัง เซ็นทรัล รีเทล เตรียมเร่งเครื่องสร้างรายได้จากแผนการดำเนินธุรกิจที่เข้มข้น โดยมีแผนที่จะเปิดตัวไฮไลท์พอร์ตธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อเสริมแกร่งอีโคซิสเต็ม และสร้างการเติบโตให้กับเซ็นทรัล รีเทล ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งตอกย้ำความเป็นผู้นำค้าปลีกในพื้นที่ท่องเที่ยว โดยโฟกัสที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยมีแผนที่จะเปิดศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาฉลอง ซึ่งจะเป็นแห่งที่ 2 ของจังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 20 กันยายนนี้ และจะทำให้มีศูนย์การค้ารวมทั้งสิ้น 33 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังเตรียมเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาฉลอง จังหวัดภูเก็ตอีกด้วย ในส่วนกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ของโลก เซ็นทรัล รีเทล ก็พร้อมลุยขยายธุรกิจในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกอย่างเต็มที่ หลังจากประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาราชพฤกษ์ และในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะฉลองการเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาเวสต์วิลล์ ซึ่งถือเป็นห้างสรรพสินค้าสาขาที่ 76 ของเซ็นทรัล รีเทล เพื่อเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ตอบโจทย์ New CBD ของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ภายในปี 2566 นี้ เซ็นทรัล รีเทล จะฉลองเปิดไทวัสดุครบ 80 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมเปิดศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ในประเทศเวียดนามครบ 39 สาขาทั่วประเทศ
สรุปธุรกิจไฮไลท์ในไตรมาส 2/2566
- กลุ่มแฟชั่น เติบโตขึ้นกว่า 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ในปี 2565 ตอกย้ำการเป็นผู้นำในกลุ่มแฟชั่น โดยเฉพาะด้านผลิตภัณฑ์ความงาม (Beauty) ที่มียอดขายเติบโตสูงสุดในกลุ่ม และโตเกินกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เนื่องจากมีการอัพเกรดและนำเข้าสินค้าใหม่ ๆ ในทุก category เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงการขยายร้านค้าในเครือให้มีจำนวนสาขาครอบคลุมทั่วประเทศไทย พร้อมทั้งพัฒนาออมนิแพลตฟอร์ม และรีโนเวทห้างสรรพสินค้าสาขาต่างๆ เช่น ห้างเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว และพระราม 2 ซึ่งสามารถสร้างยอดขายโตเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้เป็นอย่างมาก หลังจากมีการปรับปรุงห้าง รวมถึงยังมีการรีโนเวทห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเป็นสาขา Flagship Store ให้เป็น Luxury Destination แห่งใหม่ของประเทศไทยอีกด้วย ขณะเดียวกันในประเทศอิตาลี ก็ได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาเพิ่มขึ้น ทำให้ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเตสามารถสร้างยอดขายเป็น “นิวไฮ” เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19
- กลุ่มฮาร์ดไลน์ ไทวัสดุยังคงเป็นธุรกิจดาวเด่นที่มีการเติบโตมากกว่าคู่แข่งในตลาด โดยสามารถสร้างยอดขายโตถึง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ในปี 2565 จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และความสำเร็จของไฮบริด ฟอร์แมท “ไทวัสดุ x BnB Home” ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ด้วยจุดเด่นในเรื่องความครบครันของสินค้าเกี่ยวกับบ้านกว่า 30,000 รายการ พร้อมบริการครบวงจรจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ทั้ง B2B และ B2C พร้อมด้วยช่องทางออมนิแชแนลที่สะดวกสบาย ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร
- กลุ่มฟู้ด ตอกย้ำความเป็นผู้นำเบอร์ 1 ซูเปอร์มาร์เก็ต และ Food Discovery & Destination ของประเทศไทย โดยมีการขยายท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการอัพเกรดเป็นท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ที่ครบครันด้วยสินค้าคุณภาพดีที่สุด นำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก จัดเต็มสินค้าอาหาร วัตถุดิบ เครื่องปรุง สินค้าโกรเซอรี่ ขนมหลากชนิด และไวน์ขึ้นชื่อ ถือเป็นพรีเมียมฟู้ดสโตร์เวิลด์คลาสที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
- ธุรกิจในประเทศเวียดนาม เซ็นทรัล รีเทล ครองเบอร์ 1 ในด้านศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ต จากการขยายและปรับปรุงศูนย์การค้าต่างๆ โดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ที่มี Market share ในกลุ่ม FMCG สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตสูงกว่าภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดถึง 2 เท่า ขณะเดียวกันเซ็นทรัล รีเทล ก็ยังคงรุกตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในเวียดนามอย่างเต็มที่ ด้วยการเดินหน้าขยายโมเดล mini go! ให้มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคเวียดนามที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้
“เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำค้าปลีกแห่งอนาคตตามยุทธศาสตร์ CRC Retailligence เราพร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจ ปรับตัวตามเทรนด์โลก และรับมือกับทุกสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่มีเสถียรภาพทั้งในด้านฐานะทางการเงินและการบริหารงานที่แข็งแกร่ง เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่การเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย” นายญนน์ กล่าวปิดท้าย