วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

‘บมจ.พริมา มารีน’ หรือ PRM ส่งซิกมองไตรมาส 3 สร้างผลงานเติบโตร้อนแรง รับกลุ่มเรือขนส่งระหว่างประเทศและกลุ่มธุรกิจ Offshore โดดเด่น




‘บมจ.พริมา มารีน’ หรือ PRM ประเมินแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/65 เติบโตโดดเด่น ตอกย้ำการดำเนินงานเข้าสู่ยุค Growth Mode ชูศักยภาพกองเรือที่มีความแข็งแกร่งตอบสนองความต้องการใช้เรือให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชี้กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ และกลุ่มเรือ Offshore Support ขยายตัวเด่น ด้วยอัตราการใช้เรือเต็ม 100% พร้อมเตรียมบุ๊คกำไรพิเศษจากการขายเรือ หนุนภาพรวมปีนี้ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากการขยายกองเรือขนส่งระหว่างประเทศขนาด VLCC เพิ่มเติมจำนวน 1 ลำ ช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในขณะที่เรือ VLCC 2 ลำที่เข้ามาก่อนหน้าเตรียมรับรู้รายได้เต็มไตรมาส ทำให้กองเรือขนาด VLCC ของบริษัทฯ รวมเป็น 3 ลำ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ครบทุกลำตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 เป็นต้นไป และจากการทำงานเต็มประสิทธิภาพของกลุ่มธุรกิจเรือ Offshore Support ซึ่งประกอบด้วยเรือ Crew Boat จำนวน 13 ลำ และเรือ AWB จำนวน 2 ลำ มีอัตราการใช้บริการเต็ม 100% ภายใต้สัญญาการให้บริการระยะยาวแก่กลุ่ม ปตท.สผ. ซึ่งสอดรับกับกิจกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ธุรกิจเรือ FSU มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสนี้ หลังการฟื้นตัวของดีมานต์การใช้เรือ รวมถึงการบริหารจัดการกองเรืออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อมุ่งเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้จากการให้บริการผสมน้ำมันแก่ลูกค้า ในขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศ ยังคงมีการใช้เรืออยู่ในระดับสูง จากการได้รับปัจจัยเชิงบวกจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในประเทศหลังสถานการณ์ COVID ส่งผลให้การบริโภคน้ำมันภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น

“หลังจากที่เราได้บริหารจัดการพอร์ตกองเรือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศและกลุ่มธุรกิจ Offshore Support มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นมาก สะท้อนขีดความสามารถการให้บริการและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจของเรา ในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะนำพาให้บริษัทฯ เติบโตและก้าวเข้าสู่ยุค Growth Mode รอบใหม่ และไตรมาสนี้นอกจากเรื่องผลการดำเนินงานที่โตอย่างก้าวกระโดดแล้ว เรายังมีข่าวดีจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเรือ ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้มีความโดดเด่นมาก” นายวิริทธิ์พล กล่าว

ส่วนทิศทางการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่โดดเด่นได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 3 จากการที่เรือ VLCC ลำที่ 3 ของบริษัทฯ จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 เป็นต้นไป รวมถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศที่คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากไตรมาส 4 ของทุกปี จะเป็นช่วง High-Season ของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย