วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2564

ไปรษณีย์ไทย ชี้แจงกรณีการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล


นายรัฐพล ภักดีภูมิ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ชี้แจงกรณีตามที่ได้ปรากฏว่ามีการส่งหนังสือโดยไม่ลงนามถึงคณะกรรมการ ปณท และบุคคลภายนอกหลายองค์กรเกี่ยวกับการสรรหา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (กจป.) ในประเด็นต่างๆ นั้น คณะกรรมการ ปณท เห็นว่า เพื่อให้ข้อเท็จจริงมีความถูกต้องและครบถ้วน จึงขอแจ้ง ดังนี้

1. กระบวนการสรรหา กจป.

1.1 ที่มา และอำนาจหน้าที่

1.1.1 พระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา 8 จัตวา กำหนดให้ในการจ้างและแต่งตั้งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ ให้คณะกรรมการ ของรัฐวิสาหกิจนั้นตั้งคณะกรรมการสรรหา จำนวน 5 คน ซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามที่กำหนดไว้ เพื่อทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์เหมาะสม ที่จะเป็นผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ โดยเมื่อได้ผู้ที่มีความเหมาะสมแล้ว ให้เสนอต่อผู้มีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจนั้นต่อไป โดยอาจเสนอชื่อผู้มีความเหมาะสมมากกว่าหนึ่งชื่อก็ได้ ทั้งนี้ การจ้างและการแต่งตั้งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้บริหารเดิม พ้นจากตำแหน่ง

1.1.2 หนังสือกระทรวงการคลัง ที่ กค 0803.2/ว.90 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2551 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและแนวทางการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2550 กำหนดให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยประธานกรรมการ ออกคำสั่งแต่งตั้ง จำนวน 2 คณะ ดังนี้

1) คณะกรรมการสรรหา เพื่อทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เหมาะสมที่จะเป็นผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ โดยเมื่อสรรหาได้ผู้บริหารสูงสุดแล้ว ให้เสนอชื่อต่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจเพื่อพิจารณา

2) คณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทน เพื่อทำหน้าที่กำหนดผลตอบแทน และเจรจาต่อรองผลตอบแทนกับบุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้บริหารสูงสุดตามหลักเกณฑ์และ แนวทางการจ่ายผลตอบแทนที่กำหนดไว้ และให้เสนอผลการพิจารณาพร้อมร่างสัญญาจ้างต่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจเพื่อพิจารณา แล้วเสนอกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ เมื่อกระทรวงการคลัง พิจารณาเห็นชอบผลตอบแทนและร่างสัญญาจ้างแล้วให้รัฐวิสาหกิจนำเสนอผู้มีอำนาจแต่งตั้ง (ตามกฎหมายจัดตั้ง ของรัฐวิสาหกิจนั้น) เพื่อดำเนินการแต่งตั้งโดยในการทำสัญญาจ้างให้ประธานกรรมการ หรือกรรมการ ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจในกรณีที่ไม่มีประธานกรรมการรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ลงนาม ในสัญญาจ้าง

1.2 การดำเนินการสรรหา กจป.

1.2.1 คณะกรรมการ ปณท ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา กจป. และคณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทน กจป. เพื่อทำหน้าที่ตามที่กำหนดไว้

1.2.2 คณะกรรมการสรรหา กจป. ได้พิจารณาและดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้

1.2.2.1 พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่ง กจป. โดยใช้หลักเกณฑ์เดิมในการสรรหา กจป. ครั้งที่ผ่านมา และมีการปรับหลักเกณฑ์เพิ่มเติมบางส่วนเพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับโครงสร้างของ ปณท ในปัจจุบัน เช่น มีการแก้ไขกรณีเป็นหรือเคยเป็นพนักงานของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงาน เป็นต้น เนื่องจากในการสรรหาผู้บริหารสูงสุด ผู้ที่จะสามารถสมัครได้ต้องเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารในตำแหน่งถัดลงมาจากผู้บริหารสูงสุดหนึ่งระดับ ดังนั้น เพื่อให้การกำหนดตำแหน่งของผู้ที่จะสมัครสอดคล้องกับโครงสร้างของ ปณท ในปัจจุบัน จึงต้องมีการเปลี่ยนตำแหน่งจากเดิม “ไม่ต่ำกว่ารองกรรมการผู้จัดการใหญ่” เป็น “ไม่ต่ำกว่าประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงาน” ซึ่งการแก้ไขกรณีดังกล่าวไม่ใช่การกีดกันคนในองค์กรแต่อย่างใด

1.2.2.2 กรณีไม่มีการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่ง กจป. เนื่องจากตามประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่ง กจป. ได้กำหนดวิธีการพิจารณาคัดเลือก ของคณะกรรมการสรรหา โดยจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครจากเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครก่อน หากเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศรับสมัคร จึงจะเชิญผู้ผ่านการพิจารณาเบื้องต้น เข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนดไว้ ดังนั้น กรณีที่ไม่มีการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่ง กจป. จึงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศ รับสมัครตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์เดิมที่ใช้ในการสรรหา กจป. ทุกครั้ง นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจอื่นๆ ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน

1.2.2.3 การดำเนินการของคณะกรรมการสรรหา กจป. เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งแต่ละขั้นตอนใช้ระยะเวลาดำเนินการเช่นเดียวกับการสรรหา กจป. ครั้งที่ผ่านมา โดยไม่ได้มีการรวบรัดขั้นตอนการดำเนินงานจนผิดวิสัย

1.2.2.4 ในการสรรหา กจป. เป็นอำนาจของคณะกรรมการสรรหา กจป. โดยมติ ของคณะกรรมการสรรหา กจป. ที่พิจารณาคัดเลือกบุคคลผู้มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง กจป. ถือเป็นที่สุดตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนั้น ผู้ที่มิได้เป็นคณะกรรมการสรรหา กจป. จึงไม่สามารถเข้าร่วมพิจารณาเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่ง กจป. ได้

1.2.2.5 กรณีสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท ได้ทำหนังสือขอให้พิจารณาแต่งตั้งประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท เข้าไปมีส่วนร่วมในการสรรหา กจป. ด้วยนั้น คณะกรรมการ ปณท ได้พิจารณาจากข้อมูลของรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ที่ไม่ให้สหภาพเข้าร่วมกระบวนการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากเพื่อป้องกันการขัดแย้งของบทบาทและประโยชน์ของผู้แทนสหภาพในฐานะพนักงานซึ่งจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ กจป. จึงเห็นควรให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท เข้าร่วมในขั้นตอนสำคัญ ในลักษณะผู้สังเกตการณ์ได้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท มีส่วนร่วมในขั้นตอนการสรรหา กจป. โดยคณะกรรมการสรรหา กจป. ได้เชิญให้ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ของผู้เข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่ง กจป. แต่ไม่สามารถตั้งคำถามในระหว่างการรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ และในช่วงของการตอบข้อซักถาม ของคณะกรรมการสรรหา กจป. ให้ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท รอภายนอกห้องประชุมก่อน เข้ารับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครรายถัดไป ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และมิใช่เป็นการจำกัดสิทธิแต่ประการใด เนื่องจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท มิได้มีสิทธิในกระบวนการสรรหาตั้งแต่ต้น แต่อย่างไรก็ดี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท ได้ทำหนังสือขอสละสิทธิเข้าร่วมสังเกตการณ์ในการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้

1.2.2.6 คณะกรรมการสรรหา กจป. ได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลโดยคำนึงถึงความรู้ ความสามารถและประสบการณ์เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง กจป. เป็นสำคัญ ซึ่งมีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ โดยได้มีการเสนอชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมเพื่อให้คณะกรรมการ ปณท พิจารณาแต่งตั้ง เป็น กจป. ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว

1.2.3 คณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทน กจป. ได้พิจารณากำหนดผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่นของ กจป. รวมทั้งร่างสัญญาจ้าง กจป. โดยได้เชิญผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กจป. จากคณะกรรมการ ปณท มาเจรจาผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่นของ กจป. รวมทั้งร่างสัญญาจ้าง กจป. เรียบร้อยแล้ว และนำเสนอคณะกรรมการ ปณท เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบผลการเจรจาต่อรอง ตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทน กจป. เสนอ ก่อนเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา ให้ความเห็นชอบต่อไป

2. ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะในกรณีดังกล่าว

2.1 บทบาท หน้าที่ของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ

คณะกรรมการ ปณท เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่กำกับ ควบคุม ดูแลการบริหารกิจการ การตัดสินใจ การวางแผนนโยบาย และวางแผนกลยุทธ์ เพื่อบรรลุเป้าหมายของกิจการ ซึ่งตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 กำหนดให้คณะกรรมการ ปณท มีอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา กจป. และคณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทน กจป. ดังนั้น การสรรหา กจป. จึงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงของคณะกรรมการ ปณท ในการพิจารณารายชื่อบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เหมาะสมที่จะแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่ง กจป. ก่อนนำเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

2.2 บทบาท หน้าที่ของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ

ตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 มาตรา 40 กำหนดให้สหภาพต้องมีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง และระหว่างลูกจ้างด้วยกัน 2) พิจารณาช่วยเหลือสมาชิกตามคำร้องทุกข์ 3) แสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้าง ของลูกจ้าง 4) ดำเนินการและให้ความร่วมมือเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งตามบทบัญญัติดังกล่าว มิได้กำหนดให้สหภาพเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาแต่งตั้งผู้บริหารแต่อย่างใด ดังนั้น การที่คณะกรรมการสรรหา กจป. เชิญให้ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการสรรหา กจป. แล้ว

2.3 หลักธรรมาภิบาล

กระบวนการสรรหา กจป. เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โดยผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้างประจำ และลูกจ้างของ ปณท ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ กจป. ไม่สามารถเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสรรหา กจป. ได้ เพื่อป้องกันการขัดแย้งของบทบาทและประโยชน์ในฐานะพนักงาน

2.4 การคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่ง กจป.

กระบวนการสรรหา กจป. เป็นไปตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหา กจป. ได้คำนึงถึงความรู้ ความสามารถและประสบการณ์เหมาะสม ที่จะดำรงตำแหน่ง กจป. เป็นสำคัญ ซึ่งมีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ และมติของคณะกรรมการสรรหา กจป. ที่พิจารณาคัดเลือกบุคคลผู้มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง กจป. ถือเป็นที่สุด ดังนั้น กระบวนการสรรหาดังกล่าว จึงชอบด้วยกฎหมาย

คณะกรรมการ ปณท เห็นว่าการได้มาซึ่ง กจป. เป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องดำเนินการ ให้ถูกต้องและครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด จึงให้ความสำคัญและตรวจสอบความถูกต้องในทุกขั้นตอน และขอยืนยันว่าทุกขั้นตอนได้ดำเนินการมาอย่างถูกต้องและครบถ้วนแล้ว สำหรับการที่มีบุคคลแสดงความเห็นว่า กจป. ต้องเป็น “คนใน” เท่านั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล สำหรับคณะกรรมการ ปณท ไม่จำกัดสิทธิหรือกำหนดคุณสมบัติไว้ล่วงหน้าว่า กจป. จะต้องเป็น “คนใน” หรือ “คนนอก” แต่ประการใด หากแต่พิจารณาวิสัยทัศน์และประสบการณ์ของผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นสำคัญ ว่าจะมีศักยภาพ ในการขับเคลื่อนองค์กรซึ่งอยู่ในสภาวะประสบการแข่งขันที่รุนแรง และต้องมีการปรับปรุงองค์กรให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้หรือไม่ โดยหัวใจสำคัญที่จะทำให้องค์กร ปณท ประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กรได้ ย่อมต้องขึ้นอยู่กับความสามัคคีและตั้งใจ ของสมาชิกทุกภาคส่วนของ ปณท ในการบูรณาการความคิดและร่วมมือร่วมใจผลักดันภารกิจของ ปณท ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และสำหรับ กจป. ที่ผ่านการคัดเลือกและแต่งตั้งอย่างถูกต้องแล้ว ย่อมต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและประเมินผลการทำงานตามรอบระยะเวลาที่กำหนดซึ่งสมาชิกขององค์กร ปณท ควรให้การสนับสนุนการทำงานเพื่อให้ กจป. คนใหม่ได้มีโอกาสพิสูจน์ผลงาน และควรแสดงความคิดเห็นเพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ปณท ด้วย