ชิงเต่า จีน - ไฮเออร์ สมาร์ท โฮม หรือ ไฮเออร์ (Shanghai: 600690) แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของโลกและผู้สร้างสรรค์ระบบนิเวศสำหรับสมาร์ทโฮม เปิดเผยรายงานประจำปี 2562 และผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2563 ในวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา
รายได้ของไฮเออร์ในปี 2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.05% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 2.00762 แสนล้านหยวน และมีส่วนสนับสนุนกำไรสุทธิของไฮเออร์ กรุ๊ป ที่ 8.206 พันล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.66% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ในไตรมาสแรกของปี 2563 ไฮเออร์มีรายได้ 4.3141 หมื่นล้านหยวน ปรับตัวลดลง 11.09% ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.07 พันล้านหยวน ร่วงลง 50.16% อย่างไรก็ดี แม้เผชิญกับความท้าทายในไตรมาสแรก แต่ผลการดำเนินงานโดยรวมของไฮเออร์นั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรับมือและปรับตัวได้เป็นอย่างดี
ในปี 2562 ไฮเออร์มีการเติบโตที่โดดเด่น แม้ภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศปรับตัวลดลง
- ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในตลาดสมาร์ทโฮมปี 2562 ไฮเออร์มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกประเภท ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดโดยรวมเติบโตขึ้น 4.4% เป็น 23.4%
- ในต่างประเทศ กำไรและส่วนแบ่งการตลาดยังคงเติบโตได้ในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามของไฮเออร์ในการสร้างระบบนิเวศ การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และการออกผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม
- การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดจีนในไตรมาสแรกของปี 2563 อย่างไรก็ตาม ไฮเออร์ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อสุขภาพมียอดขายพุ่งสูง จากการที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพกันมากขึ้น และด้วยความที่แบรนด์ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ไฮเออร์จึงสามารถขานรับความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
- ในส่วนของสินค้าระดับไฮเอนด์ แบรนด์ Casarte ครองความเป็นผู้นำอย่างชัดเจนด้วยส่วนแบ่งการตลาด 40% ทั้งนี้ แบรนด์เติบโตขึ้นถึง 30% ในปี 2562 โดยมีส่วนแบ่งตลาดตู้เย็นและเครื่องซักผ้าที่ระดับราคาสูงกว่า 10,000 หยวน ในสัดส่วน 40% และ 75.5% ตามลำดับ
- สำหรับกลุ่มเครื่องปรับอากาศที่ระดับราคาสูงกว่า 15,000 หยวน ไฮเออร์ครองส่วนแบ่งตลาด 40%
ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมช่วยหนุนกำไรและส่วนแบ่งตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้นสองเท่า
ในปี 2562 รายได้ในต่างประเทศของไฮเออร์เพิ่มขึ้น 22% แตะที่ระดับ 9.41 หมื่นล้านหยวน ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้นกว่า 30% แนวโน้มการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญนี้เป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ และการยกระดับอีคอมเมิร์ซ
ปัจจุบัน ไฮเออร์เป็นเจ้าของแบรนด์ระดับโลก 7 แบรนด์ ได้แก่ GE Appliances (สหรัฐอเมริกา), Candy (อิตาลี), AQUA (ญี่ปุ่น) Fisher & Paykel (ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์), Haier, Casarte และ Leader บริษัทมีโรงงาน 122 แห่งทั่วโลก ซึ่ง 54 แห่งอยู่ในต่างประเทศ
การถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านคลาวด์นำไปสู่การเติบโตของระบบนิเวศสมาร์ทโฮม
ในปี 2562 ไฮเออร์เปิดตัวระบบนิเวศ IoT และแพลตฟอร์มถ่ายทอดประสบการณ์สมาร์ทโฮมผ่านคลาวด์ ช่วยปูทางสู่ยุคใหม่ของการพลิกโฉมอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์
หนึ่งในตัวอย่างดังกล่าวคือ ระบบนิเวศ Internet of Clothes (IoC) ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 13 อุตสาหกรรม รวมถึง เสื้อผ้า เคหะสิ่งทอ ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า และเครื่องหนัง ไฮเออร์สามารถขยายขอบเขตจากเครื่องซักผ้าสู่บริการซักรีดและประสบการณ์การทำความสะอาดอัจฉริยะ ดึงดูดผู้เล่นทั้งในประเทศและนอกประเทศกว่า 5,300 รายให้มาร่วมกันแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ผลลัพธ์ที่ได้คือ รายได้จากระบบนิเวศของไฮเออร์ ขยายตัวขึ้น 68% แตะที่ 4.8 พันล้านหยวนในปี 2562
ในยุคของอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) ไฮเออร์จะยังคงเดินหน้าสำรวจและขยายความเป็นไปได้ของสมาร์ทโฮมด้วย 5G
รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.haier.net/en/
ข้อมูลจาก: พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์