วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

TPIPP เตรียม COD โรงไฟฟ้าใหม่ หนุนไตรมาสสุดท้ายเติบโตก้าวกระโดด โชว์ Q3/60 กำไรสุทธิ 593.35 ล้านบาท พุ่งขึ้น 108.75% จากปีก่อน




บมจ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ หรือ TPIPP ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งที่ใหญ่ที่สุดในไทยที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 เติบโตได้ดีเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังทำกำไรสุทธิ 593.35 ล้านบาท พุ่งขึ้น 108.75% และมีรายได้รวม 1,232.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.2% ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายผู้บริหารตั้งเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุนโรงไฟฟ้าใหม่ TG 6 และ TG 4 ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมกัน 100 MW เตรียมผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ให้แก่ กฟผ.

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 (กรกฎาคม-กันยายน 2560) โดยมีกำไรสุทธิ 593.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.75% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 284.23 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,232.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 924.95 ล้านบาท ปัจจัยมาจากปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น การบริหารจัดการต้นทุนการขายไฟฟ้าและสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2560) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,998.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 1,420.17 ล้านบาท และมีรายได้รวม 3,796.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.01% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 3,272.18 ล้านบาท

“ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อรายได้จากการขายไฟฟ้าและสินค้าที่เติบโตตามเป้าหมาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน” นายภัคพล กล่าว

นายภากร เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPIPP กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากการเตรียมผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ กำลังการผลิตติดตั้ง 100 MW เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 MW โดยบริษัทฯ จะได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่อัตรา 3.50 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปีนับจากวันที่เริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งหลังจากที่เริ่ม COD โรงไฟฟ้า เป็นที่เรียบร้อย จะส่งผลให้ TPIPP มีปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญาให้แก่ กฟผ. เพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 เท่าตัว เป็น 163 MW จากปัจจุบันอยู่ที่ 73 MW

“ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ของปีนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตแบบก้าวกระโดดครั้งใหม่ หลังจากที่ โครงการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 90 MW เริ่มผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทฯจะได้รับผลดีจากการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติขึ้นค่า Ft งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 อีก 8.87 สตางค์ต่อหน่วย พร้อมทั้งมีความมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงไฟฟ้า บริษัทฯ จะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่วางไว้” นายภากร กล่าว