วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ เตรียมเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้า 5,300 MW เป็น 70% พร้อมทั้งเผยช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นหุ้น IPO ที่ 40.0 – 45.0 บาทต่อหุ้น




‘บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์’ หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย เตรียมเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้า 5,300 MW ซึ่งร่วมทุนกับ Mitsui จาก 51% เป็น 70% สอดคล้องกับแผนขยายการลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพื่อหนุนการเติบโตของผลประกอบการในระยะยาว พร้อมทั้งเผยช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นหุ้น IPO ที่ 40.0-45.0 บาทต่อหุ้น ซึ่งสะท้อนมูลค่าของบริษัทที่มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน แผนการพัฒนาธุรกิจที่ต่อเนื่อง และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง

นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (“GULF” หรือ “บริษัทฯ”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท อินดิเพนเดนท์ เพาเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (“IPD”) ซึ่งพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า IPP ก๊าซธรรมชาติ 2 โครงการ ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 5,300 เมกะวัตต์ (MW) และคาดว่าจะสามารถทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2564-2567 ภายหลังจากที่วันนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ IPD ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 198,866,667 หุ้น ที่มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.0 บาท โดยที่ Mitsui ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการถือหุ้นใน IPD 49.0% ได้สละสิทธิการจองซื้อหุ้นใหม่เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ร่วมกันในสัญญาร่วมทุนระหว่าง Mitsui และบริษัทฯ ที่จะให้บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน IPD จากปัจจุบัน 51.0% เป็น 70.0% ในขณะที่บริษัทฯ จะมีสิทธิได้รับเงินปันผลจาก IPD ที่ 75.0% และบริษัทฯ ได้จองซื้อหุ้นเกินส่วนทั้งหมด ส่งผลให้เมื่อ IPD เปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนแล้วเสร็จ บริษัทฯ จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน IPD เพิ่มเป็น 70.0% ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาในข้อกำหนดของสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น และการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามสิทธิที่บริษัทฯ จะได้รับเงินปันผลเพิ่มจาก IPD อีก 5.0% ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561

ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 GULF มีโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งสิ้น 4,772.1 MW และบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอีกหลายโครงการ โดยตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งอีก 6,353.6 MW ภายในปี 2567 ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ GULF ได้ทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้รวมเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 1,962.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 156.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,734.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 400% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 500.0 ล้านบาท

ที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทฯ ซึ่งประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่นำเสนอข้อมูลกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ แผนการพัฒนาธุรกิจ และผลการดำเนินงานของ GULF ต่อนักลงทุนสถาบันแล้ว พบว่า นักลงทุนมีความมั่นใจในวิสัยทัศน์ของผู้บริหารและพื้นฐานการดำเนินงานของบริษัทฯ ในธุรกิจไฟฟ้าที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต ประกอบกับบริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเตรียมทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่องอีกหลายโครงการ ส่งผลให้ GULF เป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ของไทยที่โดดเด่น และได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันเป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นของหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 40.0-45.0 บาทต่อหุ้น โดยราคาเสนอขายสุดท้ายจะมีการแจ้งให้ทราบในลำดับถัดไป

ปัจจุบัน GULF มีทุนจดทะเบียน 10,666.5 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,133.3 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 5.0 บาท โดยมีทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 8,000.0 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,600.0 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 533.3 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 24.99% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้