วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ ผู้นำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ประกาศ WeLoveShopping ขึ้นแท่นผู้นำตลาดอีมาร์เก็ตเพลส ทุ่มทุนกว่า 900 ล้าน ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วไทย ด้วยจำนวนร้านค้ากว่า 350,000 ร้าน





บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด หนึ่งในผู้นำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ดูแลการประกอบกิจการและดำเนินงานของ iTrueMart ผู้นำการค้าปลีกออนไลน์ในประเทศไทยที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการกับผู้บริโภค และ WeLoveShopping ผู้นำตลาดสินค้าอีคอมเมิร์ซที่เชื่อมโยงผู้บริโภคกับผู้บริโภคไว้ด้วยกัน แถลงความสำเร็จหลังจากการลงทุนสร้างแพล็ทฟอร์มศูนย์บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรเป็นของตนเองเพื่อควบคุมกระบวนการให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ มอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผล WeLoveShopping ขึ้นแท่นผู้นำอันดับ 1 ในประเทศไทย 

นายสืบสกล สกลสัตยาทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่าหลังจากเปิดตัวบริษัทเมื่อปีที่ผ่านมา iTruemart.com และ WeLoveShopping ต่างประสบความสำเร็จอย่างมาก โดย iTruemart.com มียอดออเดอร์เพิ่มขึ้นมากถึง 700 เปอร์เซ็นต์ และได้ขยายธุรกิจเปิดให้บริการในประเทศฟิลิปปินส์เมื่อปลายปี ขณะเดียวกัน WeLoveShopping มียอดออเดอร์เติบโตเกือบ 200 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสสุดท้าย และการที่ WeLoveShopping.com ไม่หยุดการลงทุนและพัฒนาแพลทฟอร์มอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มียอดออร์เดอร์เพิ่มขึ้น ทั้งจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและรายใหม่

ในปีนี้ WeloveShopping มีจำนวนร้านค้าในเว็บไซต์มากถึง 350,000 ร้านค้า ครอบคลุมการให้บริการครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย พร้อมลงทุนเพิ่มอีก 900 ล้านบาท ขยายศักยภาพแพลทฟอร์ม ฟีเจอร์และฟั่งชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้ขายและผู้ซื้อออนไลน์ เสริมทีมงานให้คำปรึกษาการสร้างระบบนิเวศน์การขายออนไลน์เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ร้านค้าและความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น

นายธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า WeLoveShopping นอกจากจะโฟกัสกับการพัฒนาระบบและสร้างฟีเจอร์ใหม่ๆ แล้ว ยังคงมุ่งเน้นในเรื่องการซื้อขายในรูปแบบของ C2C โดยทุ่มงบลงทุนสูงถึง 900 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจใน 5 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การพัฒนาแพลตฟอร์ม 2.ดูแลโครงสร้างพื้นฐาน 3.การสื่อสารทางการตลาด 4.การขยายความร่วมมือกับพันธมิตร 5.เพิ่มและพัฒนาบุคลากร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ร้านค้า “ความสามารถในการแข่งขันธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อยู่ที่ผู้ให้บริการแพลทฟอร์มที่มีความเข้าใจระบบ

นิเวศน์ของตลาด ร้านค้าออนไลน์ที่สามารถแข่งขันได้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากอีมาร์เก็ตเพลสที่มีศักยภาพ ทั้งด้านนวัตกรรมและการสร้างความเข้าใจระบบนิเวศน์อีคอมเมิร์ซ ซึ่ง WeLoveShopping จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการสร้างความแตกต่างและการแข่งขันที่มีผลสัมฤทธิ์ผลแก่ร้านค้ารายย่อย นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดอีมาร์เก็ตเพลสที่ให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยปีนี้จึงจะจัด Road Show ไปตามหัวเมืองใหญ่ในแต่ละภาคเพื่อจัดกิจกรรมตลาดนัดออนไลน์ โดยเชิญชวนร้านค้ารายย่อยและออนไลน์ในจังหวัดนั้นมาออกบูท พร้อมจัดอบรมแก่ร้านค้าเพื่อช่วยให้การทำอีคอมเมิร์ซประสบความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากมองว่าปัจจุบันนี้การทำธุรกิจจะต้องเชื่อมโยงกันทั้งออฟไลน์และออนไลน์ (Offline to Online: O2O)”

นอกจากนี้ WeLoveShopping จะพัฒนาแพลตฟอร์มร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ ด้านการซื้อขายสินค้ามากยิ่งขึ้นเพื่อให้บริการร้านค้าตั้งแต่เริ่มต้นการซื้อขายจนถึงการขนส่งสินค้าไปยังผู้ซื้อ โดยใช้บริษัทในเครือมาเอื้อประโยชน์ร่วมกัน เพื่อผลักดันให้ร้านค้ามีศักยภาพในการทำธุรกิจได้อย่างครบวงจร เช่น 1. การฝากสินค้าในคลัง Aden Fulfillment ที่ดูแลเรื่องการจัดเก็บ การแพ็กสินค้า และ การส่งสินค้า เพื่อประหยัดเวลาและลดต้นทุน 2. การชำระเงินแบบเก็บเงินปลายทาง และแบบผ่อนชำระ 0% ผ่านระบบ TrueMoney เพื่อเพิ่มความสะดวกในการชำระค่าสินค้า ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ซื้อทุกรูปแบบการสั่งซื้อ 3. การใช้โครงสร้างพื้นฐาน Cloud Service บน TIDC ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกกับ Amazon Web Service เพื่อเสริมศักยภาพในการรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

ทั้งนี้ หลังจาก WeLoveShopping ได้ปรับแบรนด์เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ให้เปิดร้านค้าฟรีโดยไม่คิดค่าเช่าพื้นที่ พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ระบบตัวกลางชำระเงินแบบ Escrow โดยร่วมมือกับ TrueMoney ภายใต้บริการ WeTrust Guarantee และการเปิดให้ผู้ซื้อสามารถให้คะแนนความพึงพอใจต่อร้านค้า รวมถึงการมีทีมงานให้คำปรึกษาเรื่องการทำการตลาด (Seller Business Consultant) ส่งผลให้มีจำนวนร้านค้าเพิ่มขึ้นถึง 3.5 แสนร้าน ครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ มียอดการสั่งซื้อสินค้าเฉลี่ย 7,000 รายการต่อวัน และเคยมียอดการสั่งซื้อสูงสุดถึง 10,000 รายการต่อวัน โดยหมวดสินค้าที่มีการซื้อขายมากที่สุด 5 อันดับในปีที่ผ่านมา ได้แก่ 1.Gadget & Electronic 2.Beauty 3.Fashion 4.Mom & Kids และ 5.Life Style ซึ่ง 60% ของลูกค้า WeLoveShopping เป็นการซื้อสินค้าผ่านช่องทางมือถือ

“โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้วไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ผู้ประกอบการต้องหาวิธีช่วยธุรกิจรอดและประสบความสำเร็จให้ได้ และวันนี้ก็มีนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีมากมายที่เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพร้านค้าให้ได้รับความสะดวกสบายทั้งแพลตฟอร์มและองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งฟีเจอร์และฟั่งชั่นใหม่ที่ WeLoveShopping มุ่งมั่นพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ข้างต้นนั้น ทำให้มีร้านค้าใน WeLoveShopping ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ไม่ว่าจะทั้งจากยอดขาย และการเป็นที่รู้จัก อาทิ ร้านมุ้งมิ้ง ไอที ช๊อปขาย Gadget & Electronic อันดับ 1 ด้วยยอดขายกว่า 3 แสนบาทต่อเดือน 

ร้าน Modern Time ขายนาฬิกา ด้วยยอดการสั่งซื้อกว่า 500 รายการต่อเดือน และร้านช็อปคลับชุดแฟชั่นสตรี ที่มียอดขายกว่า 1.6 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าวีเลิฟช้อปปิ้งเป็นอีมาร์เก็ตเพลสที่ทำให้คนประสบความสำเร็จและสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง” นายธีรพงษ์ กล่าว

“เทรนด์อีคอมเมิร์ซและพฤติกรรมการซื้อขายสินค้าของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า ปัจจุบันการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือของคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีจำนวนสูงขึ้นกว่า 56% ด้วยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงตัวเลขของตลาดอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ย้อนไป 2 ปี เดสก์ทอปยังเป็นอุปกรณ์ที่ลูกค้าใช้เข้าถึงตลาด แต่ขณะนั้นมือถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ทุกคนต้องมี โดยในประเทศไทยยังมีศักยภาพในการขยายตัวได้อีกมาก แม้จะมีผู้ประกอบการหลายราย และมีผู้เล่นจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย กลับจะส่งผลให้ตลาดอีมาร์เก็ตเพลสของไทยมีความคึกคัก มีการแข่งขันด้านการพัฒนาแพลตฟอร์ม การสร้างฟีเจอร์ การใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาสร้างประสบการณ์ให้โดนใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยแนวทางที่จะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยหลักๆ คือ 1.การพัฒนาระบบการซื้อขายออนไลน์ให้ลูกค้าเชื่อใจ เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง 2.ระบบการจัดขนส่งที่รวดเร็ว และ ปลอดภัยยิ่งๆขึ้น ที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายภายในวันเดียวกันหรือวันรุ่งขึ้น 3.แนวทาง creative ในการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้แบรนด์และผู้ประกอบการเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาดูสินค้า และต่อยอดการขายให้กับร้านค้าต่อไปอีกด้วย รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า” นายสืบสกล กล่าวสรุป