ประเทศไทยได้เข้าสู่ช่วง “ฤดูร้อน” เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ช่วงเวลานี้นับเป็นช่วงเวลาสำคัญของผู้รักสัตว์เลี้ยงที่ต้องดูแลเพื่อนตัวน้อย ๆ อย่างใกล้ชิด ยิ่งในปี 2567 กรมอุตุนิยมวิทยา ประเมินว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นในรอบหลายปี โดยมีโอกาสพุ่งสูงถึง 44.5 องศาเซลเซียส นั่นจึงมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงแสนรัก โดยเฉพาะกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ “เอ็กโซติก” (Exotic Pet) หรือสัตว์แปลกที่จะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ไม่ต่างจากสุนัข และแมว
สำหรับการเลี้ยงสัตว์แปลก หรือ Exotic Pet นั้น ปัจจุบันถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ที่ค่อย ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในระยะหลัง 2-3 ปีมานี้ จะเห็นว่าคนรุ่นใหม่หลายคนหันมาให้ความสนใจเลี้ยงสัตว์แปลกที่หายาก และมีราคาสูง เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่าในการเลี้ยงจำเป็นต้องหาวิธีมาดูแลเป็นพิเศษ เพราะว่าในช่วงหน้าร้อนสัตว์เลี้ยงของหลายคนอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ “ฮีทสโตรก” (Heatstroke) หรือภาวะลมแดดได้ง่าย โดยอาการของโรคจะมีความแตกต่างกันไปตามชนิด หรือประเภทของสัตว์
ประเภทของสัตว์แปลกข้างต้น แต่ละชนิดล้วนมีความต้องการการดูแลสุขภาพร่างกายที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น “กระต่าย” ซึ่งเป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ถือเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเซนซิทีฟกับความร้อนมาก เนื่องจากกระต่ายไม่มีต่อมเหงื่อและจะระบายความร้อนออกจากร่างกาย โดยการหายใจหรือการแลกเปลี่ยนความร้อนที่บริเวณใบหู
ดังนั้นเมื่ออากาศร้อนจนเกินไปจะทำให้เลือดในร่างกายกระต่ายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น กระต่ายอาจจะมีอาการอ่อนแรงน้ำลายไหลชักหมดสติและอวัยวะภายในถูกทำลายได้ โดยอาการที่เจ้าของสามารถสังเกตได้ นั่นคือกระต่ายจะเริ่มมีน้ำลายไหล และถ้าเป็นหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ จะเกิดภาวะอ่อนแรง ยืนไม่ไหวและมีอาการชักเกร็ง
เช่นเดียวกับนกประเภทต่าง ๆ ซึ่งนับว่าเป็นสัตว์ที่มีความอ่อนไหวต่ออากาศร้อนได้ง่าย เพราะหากอากาศร้อนมากก็อาจมีโอกาสที่นกจะเสียชีวิตได้ เช่นเดียวกับกระต่าย โดยเมื่ออากาศร้อนมาก ๆ นกจะมีอาการหายใจเร็ว และอ้าปากหายใจจากนั้นก็จะมีอาการซึมแล้ว เกาะคอนไม่อยู่ และมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้
ส่วนสัตว์อีกประเภทนั่นคือสัตว์เลื้อยคลาน เช่น เต่า รู้หรือไม่ว่ากระดองเต่าสามารถดูดซึมความร้อนได้ดีกว่าสัตว์เลื้อยคลานประเภทอื่น แต่ถ้าอยู่กลางแดดนาน ๆ ก็มีโอกาสที่อวัยวะภายในจะได้รับผลกระทบจากความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยผู้เลี้ยงสามารถสังเกตอาการได้ นั่นคือ เต่าจะมีน้ำลายไหล และเกิดอาการอ่อนแรง
นสพ.เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสัตว์เลี้ยง แนะนำวิธีการดูแลป้องกันโรคสำหรับสัตว์เลี้ยงในช่วงหน้าร้อนนี้ว่า หลัก ๆ แล้วไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงออกไปเดินตากแดด หรือถ้าเลี้ยงในบ้านก็ต้องมีการเปิดหน้าต่างให้อากาศระบายถ่ายเทได้ดี เช่น ถ้าใครที่เลี้ยงกระต่าย แนะนำว่าในช่วงที่ร้อนมาก ๆ ก็ควรเปิดแอร์ เพื่อป้องกันการเกิดฮีทสโตรก ส่วนนกต้องจัดวางกรงให้อยู่ในพื้นที่อากาศถ่ายเท ไม่ตากแดด โดยอาจอยู่ใต้ร่มไม้ที่มีแสงแดดส่องผ่านเล็กน้อยได้ เช่นเดียวกับสัตว์ประเภทเต่า ควรจัดสถานที่เลี้ยงให้มีร่มเงาให้สัตว์สามารถหลบแดดได้ และอาจเปิดสปริงเกอร์ ช่วยพ่นไอน้ำในช่วงที่อากาศร้อนมาก ๆ เพื่อลดอุณหภูมิความร้อนลงได้
อย่างไรก็ตามคำแนะนำในการดูแลและรักษาพยาบาลเบื้องต้น หากสัตว์เลี้ยงมีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น สิ่งที่ควรทำแบบง่าย ๆ นั่นคือการเช็ดตัวหรือการใช้น้ำเพื่อลดความร้อน เช่น ถ้าเป็นเต่าควรราดน้ำลงบนกระดอง เพื่อลดความร้อนในตัวสัตว์ หรือเป็นกระต่าย ควรนำน้ำไปเช็ดบริเวณใบหู ขาหนีบให้เปียกชุ่ม เพื่อลดความร้อนลง ส่วนนก ควรพ่นสเปย์น้ำเพื่อลดความร้อน หรือมีถ้วยน้ำให้นกสามารถลงไปเล่นน้ำได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลของสัตว์เลี้ยงแปลก หรือ Exotic Pet สามารถติดตามได้ภายในงาน “PET Expo Thailand 2024” จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข่าวสาร และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.petexpothailand.net หรือ เฟซบุ๊ก Petexpoclub หรือช่องทางทวิตเตอร์ @PetexpoclubTH1 หรือแอดไลน์เพื่อติดตามทุกความเคลื่อนไหวของงานและโปรโมชั่นเด็ด ๆ ก่อนใครได้ที่ @petexpoclub