วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

‘CPT’ มาตามนัด จ่ายเงินปันผล 100% อัตรา 0.14 บาทต่อหุ้น โชว์กำไรสุทธิปี 60 พุ่งจากความสำเร็จทุกกลุ่มธุรกิจ ตั้งเป้าปี 61 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังโรงงาน-สินค้าใหม่ช่วยหนุน




‘บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์’ หรือ CPT ประกาศจ่ายเงินปันผล 100% ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาทต่อหุ้น เพื่อตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น หลังผลการดำเนินงานปี 60 ทำกำไรสุทธิ 140.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.15% จากปัจจัยยอดขายสินค้ากลุ่มธุรกิจจำหน่ายตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมเครื่องจักร และธุรกิจให้บริการและซ่อมแซมแก่ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวได้ดี รวมทั้งสามารถส่งมอบงานติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยได้ตามแผน ด้านผู้บริหารเปิดเกมรุกปี 61 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% รับขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีขึ้น จากการมีโรงงานใหม่และสินค้าใหม่ที่เพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 

นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT ผู้ให้บริการระบบไฟฟ้ากำลังสำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถเชิงการแข่งขันแก่ภาคอุตสาหกรรม ครอบคลุมถึงการจำหน่ายอุปกรณ์และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (ซึ่งแตกต่างจากผู้ผลิตตู้ไฟฟ้ารายอื่น) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม 2560) ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.14 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 100% จากกำไรสุทธิ สูงกว่านโยบายที่กำหนดจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ โดย Record Date ในวันที่ 6 มีนาคม 2561 และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 27 เมษายน 2561 

การจ่ายเงินปันผล 100% จากกำไรสุทธิดังกล่าว เป็นผลจากความสำเร็จด้านผลการดำเนินงานปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 140.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 119.33 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,239.29 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,240.44 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมเครื่องจักร คิดเป็นสัดส่วน 56.67% ของรายได้รวม รองลงมา ได้แก่ รายได้จากธุรกิจให้บริการรับเหมาติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย คิดเป็นสัดส่วน 20.56% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ CPT ที่แข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี 

ทั้งนี้ การที่กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมเครื่องจักรสามารถรักษาการเติบโตที่ดีได้นั้น มาจากการที่กลุ่มลูกค้าโรงงานน้ำตาลซึ่งเป็นลูกค้าหลักได้สั่งซื้อสินค้าไปใช้ทดแทนของเดิมเพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับฤดูการหีบอ้อยรอบปี 2560/61 และปรับปรุงคุณภาพการทำงานของเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รวมทั้งนำพลังงานส่วนเหลือไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้แก่หน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ CPT ยังสามารถส่งมอบงานติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนบริหารต้นทุนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เราให้คำมั่นแก่ผู้ถือหุ้นหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงาน 100% สำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2560 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นและสร้างความเชื่อมั่นต่อแผนดำเนินงานของ CPT ที่ประสบความสำเร็จในการผลักดันรายได้และกำไรสุทธิให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายสมศักดิ์ กล่าว 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPT กล่าวว่า เป้าหมายการดำเนินงานปี 2561 จะยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น เนื่องจากได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อผลิตตู้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานระดับโลกและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อโอกาสการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จากเดิมที่มีกลุ่มลูกค้าโรงงานน้ำตาลเป็นฐานลูกค้าหลัก โดยคาดว่าเฉพาะฐานลูกค้าหลักกลุ่มดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ ในปีนี้ประมาณ 550 ล้านบาท นอกจากนี้ CPT ได้นำเสนองานให้บริการและปรับปรุงสินค้า โดยนำเสนอสินค้าใหม่แก่กลุ่มโรงงานน้ำตาลเพื่อเปลี่ยนทดแทนของเดิม เช่น การนำเสนอให้เปลี่ยนตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่ไปขับเคลื่อนเครื่องจักร ซึ่งมีมูลค่างานเฉลี่ยปีละประมาณ 300 ล้านบาท โดยมูลค่างานส่วนนี้ยังไม่รวมรายได้จากลูกค้ากลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ยาง เหล็กและกระดาษ ที่คาดว่าจะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตอีกด้วย

ขณะที่กลุ่มธุรกิจติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย CPT พร้อมเข้าร่วมเสนอราคางานประมูลก่อสร้างสถานีโรงไฟฟ้าย่อยขนาด 300 MW จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมากกว่า 10 โครงการ โดยตั้งเป้าหมายชนะการประมูลจำนวน 6 โครงการ คิดเป็นรายได้รวมประมาณ 420 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2562 และ 2563

ส่วนแผนงานขยายธุรกิจในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ จะจัดตั้งสำนักงานขายในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการตอบสนองความต้องการใช้สินค้าของกลุ่มโรงงานน้ำตาลในประเทศดังกล่าว